ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ โชว์รายได้ Q1 เติบโต 12.6%

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ โชว์รายได้ Q1 เติบโต 12.6%

เว็บไซต์โลกวันนี้ (9 พฤษภาคม 2561)

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 535.5 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท และในไตรมาสนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากกำไรสุทธิ 20.1 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2560 แต่ลดลงจากกำไรสุทธิ 40.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2560โดยมีปัจจัยที่ส่งผลให้อัตรากำไรลดลง ได้แก่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูเอสดอลล่าร์และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มมากขึ้นอัเนื่องมาจากการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการจัดตั้งคลังสินค้าในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงเตรียมความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงานให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริงจากซัพพลายเออร์บางราย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำลังเร่งบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีการเจรจาต่อรองและหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อควบคุมให้ค่าใช้จ่ายเป็นไปตามที่วางแผนไว้ แม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ถ้าดูจากจำนวนการขนส่งสินค้าที่ผ่านคลังสินค้าของเราที่ดอนเมือง จะเห็นว่ามีปริมาณสินค้ามากกว่าที่คาดไว้ถึง 25% ซึ่งหากเรามีการบริหารต้นทุนที่ดี เชื่อว่ากลางปีนี้จะมีภาพรวมรายได้ที่ดีขึ้นและเป็นไปตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้”

iii เป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ให้บริการการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศ ทางทะเล ทางบก ขนส่งเคมีภัณฑ์และรับบริหารงานโลจิสติกส์ โดยในไตรมาส 1 ปีนี้ รายได้รวมของบริษัทฯ มาจาก ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ 487 ล้านบาท หรือ 70.9% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ 133 ล้านบาท หรือ 19.4% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 28.9 ล้านบาท หรือ 4.2% และมาจากธุรกิจรับบริหารงานโลจิสติกส์ 34.7 ล้านบาท หรือ 5%

“รายได้ของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นธุรกิจหลักเติบโตถึง 13 % เนื่องจาก บริษัทฯได้เริ่มให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งปัจจุบันคาดว่าบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 85% นอกจากนี้ ปริมาณการขนส่งทางอากาศ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการปลดล็อคของ ICAO อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรหลักของบริษัทฯ คือ สายการบินแอร์เอเชีย และ สายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีการเพิ่มเส้นทางบินและเที่ยวบิน จึงทำให้มีปริมาณการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกันธุรกิจขนส่งทางเรือเติบโตสูง 58.8% เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเพียงรายเดียว (Exclusive Agent) ในประเทศไทยของสายการเดินเรือ ริเชา (Rizhao Shipping Lines) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของจีนโดยเส้นทางการให้บริการครอบคลุม ประเทศจีน เวียดนามและไทย ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ รายได้และกำไรการจากการขายพื้นที่ระวางสินค้าของบริษัทร่วมทุนและบริษัทย่อยได้เติบโตขึ้น จากปริมาณการค้าและการส่งออกและนำเข้าที่ขยายตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโลกและจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ที่มา : http://www.lokwannee.com/web2013/?p=306262

Share this post