การดำเนินงานด้านสังคม

Creative young Chinese imitating running

กลยุทธ์ด้านสังคม

“People Excellence”

การสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกกลุ่มบริษัทภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาด้านสังคมที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนาทักษะใหม่และยกระดับขีดความสามารถในการทำงานของทรัพยากรบุคคล พร้อมกับการให้ความสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในกระบวนการทำงานและการส่งมอบสินค้าและบริการ รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนและสังคมทุกภาคส่วนทั้งในภาวะวิกฤตและในภาวะปกติ

Group of children lying down on green grass outdoors in the park

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

การบริหารทรัพยากรบุคคล

เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • รักษาระดับความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
  • ระดับความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์ที่ร้อยละ 82.07
  • ไม่มีเรื่องร้องทุกข์ต่อข้อปฏิบัติด้านแรงงานในกลุ่มพนักงาน และไม่มีกรณีพิพาทด้านแรงงาน
  • พัฒนาองค์กรแห่งความสุขในการทำงานให้กับพนักงาน ผ่านกิจกรรม Triple i B-Happy โดยนำผลสำรวจความเห็นพนักงานมาพัฒนากิจกรรมให้สอดคล้องกับต้องการของพนักงาน
  • มีการนำข้อเสนอแนะจากพนักงานมาพัฒนาการดูแลคุณภาพชีวิตของพนักงาน เช่น การปรับปรุงพื้นที่ศาลาพักผ่อนให้รองรับพนักงานได้มากขึ้น การสนันสนุนด้านกีฬาตามตวามสนใจของพนักงาน เป็นต้น
  • จำนวนข้อร้องเรียนด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นศูนย์
  • จำนวนข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน เป็นศูนย์
  • ผลการดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) พบว่าความเสี่ยงส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำที่มีมาตรการเพียงพอที่จะสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้
  • บริษัทฯ และบริษัทย่อยที่มีจำนวนพนักงานถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการในฐานะตัวแทนของลูกจ้าง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเสนอแนะความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์แก่พนักงาน โดยจัดให้มีการประชุมไตรมาสละ 1 ครั้ง
  • อัตราการลาออกของพนักงาน ต่ำกว่าร้อยละ 10 ภายในปี 2570
  • อัตราการลาออกของพนักงาน อยู่ที่ร้อยละ 15
  • อัตราการจ้างพนักงานใหม่อยู่ที่ร้อยละ 35.0 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 จากปี 2566 แสดงถึงการเติบโตของธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

การบริหารทรัพยากรบุคคล

เป้าหมาย
  • รักษาระดับความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
  • จำนวนข้อร้องเรียนด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นศูนย์
  • อัตราการลาออกของพนักงาน ต่ำกว่าร้อยละ 10 ภายในปี 2570
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • ระดับความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์ที่ร้อยละ 82.07
  • ไม่มีเรื่องร้องทุกข์ต่อข้อปฏิบัติด้านแรงงานในกลุ่มพนักงาน และไม่มีกรณีพิพาทด้านแรงงาน
  • พัฒนาองค์กรแห่งความสุขในการทำงานให้กับพนักงาน ผ่านกิจกรรม Triple i B-Happy โดยนำผลสำรวจความเห็นพนักงานมาพัฒนากิจกรรมให้สอดคล้องกับต้องการของพนักงาน
  • มีการนำข้อเสนอแนะจากพนักงานมาพัฒนาการดูแลคุณภาพชีวิตของพนักงาน เช่น การปรับปรุงพื้นที่ศาลาพักผ่อนให้รองรับพนักงานได้มากขึ้น การสนันสนุนด้านกีฬาตามตวามสนใจของพนักงาน เป็นต้น
  • จำนวนข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน เป็นศูนย์
  • ผลการดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) พบว่าความเสี่ยงส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำที่มีมาตรการเพียงพอที่จะสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้
  • บริษัทฯ และบริษัทย่อยที่มีจำนวนพนักงานถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการในฐานะตัวแทนของลูกจ้าง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเสนอแนะความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์แก่พนักงาน โดยจัดให้มีการประชุมไตรมาสละ 1 ครั้ง
  • อัตราการลาออกของพนักงาน อยู่ที่ร้อยละ 15
  • อัตราการจ้างพนักงานใหม่อยู่ที่ร้อยละ 35.0 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 จากปี 2566 แสดงถึงการเติบโตของธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น

การพัฒนาทรัพยากรบุคคล

เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • สัดส่วนพนักงานที่ผ่านการอบรม/ทบทวนหลักสูตรภาคบังคับ เป็นร้อยละ 100
    (หลักสูตรภาคบังคับ หมายถึง หลักสูตรที่สนับสนุนความรับผิดชอบต่อสังคม การเป็นพลเมืองที่ดีต่อสังคม และสร้างความความยั่งยืนต่อธุรกิจ)
  • สัดส่วนพนักงานที่ผ่านการอบรม/ทบทวนหลักสูตรภาคบังคับ อยู่ที่ร้อยละ 100
  • มีการจัดทำแผนฝึกอบรมประจำปี จากการวิเคราะห์ความจำเป็นในการพัฒนาทักษะของพนักงาน ทั้งในระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน และระดับองค์กร และบูรณาการแผนฝึกอบรมประจำปีของพนักงานทั้งกลุ่มบริษัทให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
  • มีการทบทวนแผนการสืบทอดตำแหน่งโดยขยายขอบเขตการสรรหาผู้สืบทอดตำแหน่งในกลุ่มผู้บริหารระดับกลาง นอกเหนือจากกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและตำแหน่งสำคัญ รวมทั้งวางแผนงบประมาณสำหรับโครงการพัฒนากลุ่ม Successor ทุกตำแหน่ง
  • ระดับความสามารถและทักษะของพนักงานในการตอบสนองต่อลูกค้า ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
  • ระดับความสามารถและทักษะของพนักงานในการตอบสนองต่อลูกค้า อยู่ที่ร้อยละ 90
  • สัดส่วนพนักงานผู้เข้าอบรมร้อยละ 100 สามารถทำแบบทดสอบ Post-Test ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 (เฉพาะหลักสูตรที่มีการทดสอบ Pre-Test และ  Post-Test)
  • สัดส่วนพนักงานผู้เข้าอบรมร้อยละ 100 สามารถทำแบบทดสอบ Post-Test ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80

การพัฒนาทรัพยากรบุคคล

เป้าหมาย
  • สัดส่วนพนักงานที่ผ่านการอบรม/ทบทวนหลักสูตรภาคบังคับ เป็นร้อยละ 100
    (หลักสูตรภาคบังคับ หมายถึง หลักสูตรที่สนับสนุนความรับผิดชอบต่อสังคม การเป็นพลเมืองที่ดีต่อสังคม และสร้างความความยั่งยืนต่อธุรกิจ)
  • ระดับความสามารถและทักษะของพนักงานในการตอบสนองต่อลูกค้า ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
  • สัดส่วนพนักงานผู้เข้าอบรมร้อยละ 100 สามารถทำแบบทดสอบ Post-Test ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 (เฉพาะหลักสูตรที่มีการทดสอบ Pre-Test และ  Post-Test)
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • สัดส่วนพนักงานที่ผ่านการอบรม/ทบทวนหลักสูตรภาคบังคับ อยู่ที่ร้อยละ 100
  • มีการจัดทำแผนฝึกอบรมประจำปี จากการวิเคราะห์ความจำเป็นในการพัฒนาทักษะของพนักงาน ทั้งในระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน และระดับองค์กร และบูรณาการแผนฝึกอบรมประจำปีของพนักงานทั้งกลุ่มบริษัทให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
  • มีการทบทวนแผนการสืบทอดตำแหน่งโดยขยายขอบเขตการสรรหาผู้สืบทอดตำแหน่งในกลุ่มผู้บริหารระดับกลาง นอกเหนือจากกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและตำแหน่งสำคัญ รวมทั้งวางแผนงบประมาณสำหรับโครงการพัฒนากลุ่ม Successor ทุกตำแหน่ง
  • ระดับความสามารถและทักษะของพนักงานในการตอบสนองต่อลูกค้า อยู่ที่ร้อยละ 90
  • สัดส่วนพนักงานผู้เข้าอบรมร้อยละ 100 สามารถทำแบบทดสอบ Post-Test ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80

การจัดการด้านความปลอดภัยในการทำงาน

เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • มีระบบอาชีวอนามัยละความปลอดภัยในการทำงานครอบคลุมทุกหน่วยงานในกลุ่มบริษัท
  • มีการประกาศนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานครอบคลุมทั้งกลุ่มบริษัท
  • บริษัท ฮาซเคม โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 45001:2018
  • มีพนักงานเข้าอบรมด้านความปลอดภัย ทั้งสิ้น 3,761 คน (นับหัวซ้ำ) จาก 40 หลักสูตร
  • มีคู่ค้าร่วมอบรมด้านความปลอดภัยกับทางกลุ่มบริษัทจำนวน 2,834 คน
  • ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ให้กับพนักงาน
  • มีการบรรจุแผนรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคระบาดและโรคอุบัติใหม่เข้าไปในแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Plan : BCP) เพื่อป้องกัน เตรียมความพร้อม และบรรเทาผลกระทบ
  • อัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานในพนักงานและคู่ค้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของกลุ่มบริษัท เป็นศูนย์
  • อัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานในพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของกลุ่มบริษัท อยู่ที่ 4.73 กรณีต่อหนึ่งล้านชั่วโมงการทำงาน
  • อัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานในคู่ค้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของกลุ่มบริษัท อยู่ที่ 0 กรณีต่อหนึ่งล้านชั่วโมงการทำงาน
  • จำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำงาน เป็นศูนย์
  • จำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำงาน เป็นศูนย์

การจัดการด้านความปลอดภัยในการทำงาน

เป้าหมาย
  • มีระบบอาชีวอนามัยละความปลอดภัยในการทำงานครอบคลุมทุกหน่วยงานในกลุ่มบริษัท
  • อัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานในพนักงานและคู่ค้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของกลุ่มบริษัท เป็นศูนย์
  • จำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำงาน เป็นศูนย์
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • มีการประกาศนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานครอบคลุมทั้งกลุ่มบริษัท
  • บริษัท ฮาซเคม โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 45001:2018
  • มีพนักงานเข้าอบรมด้านความปลอดภัย ทั้งสิ้น 3,761 คน (นับหัวซ้ำ) จาก 40 หลักสูตร
  • มีคู่ค้าร่วมอบรมด้านความปลอดภัยกับทางกลุ่มบริษัทจำนวน 2,834 คน
  • ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ให้กับพนักงาน
  • มีการบรรจุแผนรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคระบาดและโรคอุบัติใหม่เข้าไปในแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Plan : BCP) เพื่อป้องกัน เตรียมความพร้อม และบรรเทาผลกระทบ
  • อัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานในพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของกลุ่มบริษัท อยู่ที่ 4.73 กรณีต่อหนึ่งล้านชั่วโมงการทำงาน
  • อัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานในคู่ค้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของกลุ่มบริษัท อยู่ที่ 0 กรณีต่อหนึ่งล้านชั่วโมงการทำงาน
  • จำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำงาน เป็นศูนย์

การมีส่วนร่วมดูแลชุมชนและสังคม

เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • มีการสำรวจผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • มีการขยายขอบเขตในการสำรวจผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมครอบคลุมทุกไซต์งาน รวมทั้งหมด 4 พื้นที่ (พื้นที่ละ 1 ครั้ง) ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตการสำรวจชุมชนเพิ่มขึ้นจากปี 2566
  • ผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เป็นศูนย์
  • จากการสำรวจชุมชนครบทุกไซต์งาน พบว่า ไม่มีผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
  • จำนวนข้อร้องเรียนจากชุมชน เป็นศูนย์
  • จำนวนข้อร้องเรียนจากชุมชน เป็นศูนย์
  • จำนวนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ CSR ไม่ต่ำกว่า 5,000 รายต่อปี
  • มีผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ CSR จำนวน 17,257 ราย จาก 24 โครงการ
  • มีการกำหนดกลยุทธ์และกรอบการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนและสังคม โดยแบ่งเป็น 2 กลยุทธ์ ได้แก่
    1) ส่งเสริมการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย ประกอบด้วยกิจกรรมด้านการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านโลจิสติกส์ และการสนับสนุนการเข้าถึงบริการด้านโลจิสติกส์ที่ได้มาตรฐาน
    2) สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชนและสังคมผ่านกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ประกอบด้วยกิจกรรมด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน กิจกรรมสนับสนุนเด็กและเยาวชน และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ
  • มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา และนำร่องโครงการฝึกงานสร้างอาชีพให้กับนักศึกษาเพื่อเปิดโอกาสในการร่วมงานกับกลุ่มบริษัทในอนาคต
  • จำนวนชั่วโมงจิตอาสาของพนักงานเพิ่มขึ้นทุกปี
  • ในปี 2567 จำนวนชั่วโมงจิตอาสาของพนักงานเท่ากับ 2,119 ชั่วโมง
    (เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2567 เป็นปีแรก)

การมีส่วนร่วมดูแลชุมชนและสังคม

เป้าหมาย
  • มีการสำรวจผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • ผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เป็นศูนย์
  • จำนวนข้อร้องเรียนจากชุมชน เป็นศูนย์
  • จำนวนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ CSR ไม่ต่ำกว่า 5,000 รายต่อปี
  • จำนวนชั่วโมงจิตอาสาของพนักงานเพิ่มขึ้นทุกปี
ผลการดำเนินงานในปี 2567
  • มีการขยายขอบเขตในการสำรวจผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมครอบคลุมทุกไซต์งาน รวมทั้งหมด 4 พื้นที่ (พื้นที่ละ 1 ครั้ง) ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตการสำรวจชุมชนเพิ่มขึ้นจากปี 2566
  • จากการสำรวจชุมชนครบทุกไซต์งาน พบว่า ไม่มีผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
  • จำนวนข้อร้องเรียนจากชุมชน เป็นศูนย์
  • มีผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ CSR จำนวน 17,257 ราย จาก 24 โครงการ
  • มีการกำหนดกลยุทธ์และกรอบการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนและสังคม โดยแบ่งเป็น 2 กลยุทธ์ ได้แก่
    1) ส่งเสริมการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย ประกอบด้วยกิจกรรมด้านการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านโลจิสติกส์ และการสนับสนุนการเข้าถึงบริการด้านโลจิสติกส์ที่ได้มาตรฐาน
    2) สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชนและสังคมผ่านกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ประกอบด้วยกิจกรรมด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน กิจกรรมสนับสนุนเด็กและเยาวชน และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ
  • มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา และนำร่องโครงการฝึกงานสร้างอาชีพให้กับนักศึกษาเพื่อเปิดโอกาสในการร่วมงานกับกลุ่มบริษัทในอนาคต
  • ในปี 2567 จำนวนชั่วโมงจิตอาสาของพนักงานเท่ากับ 2,119 ชั่วโมง
    (เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2567 เป็นปีแรก)