ข่าวที่ได้รับการเผยแพร่

เปิด 12 หุ้น กลุ่ม "ขนส่ง-โลจิสติกส์" 9 เดือนกำไรโตแกร่ง

kaohoon.com (วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565)

 

สแกน 12 หุ้น BIOTEC, BEM, RCL, DMT, PSL, MENA, TTA, KIAT, III, WICE, PRM, TSTE กลุ่มขนส่ง-โลจิสติกส์ งวด 9 เดือนกำไรโตแกร่ง

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.65 ของบริษัทจดทะเบียน “บจ.” กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พบว่ามี 12 บริษัท ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อาทิ บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 145.68 ล้านบาท เติบโต 1,023.84% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.96 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกการเติบโตของรายได้จากธุรกิจธุรกิจพาณิชย์นาวี เป็นผลมาจากสถานการณ์ความต้องการการขนส่งทางเรือเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับอัตราค่าระวางเรือในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งรายได้จากธุรกิจด้านผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลและกลีเซอรีน เติบโต 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อย 2 แห่งที่ผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลและกลีเซอรีน

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,833 ล้านบาท เติบโต 198.44% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 614.18 ล้านบาท มาจากปริมาณจราจรและปริมาณผู้โดยสารที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น

บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 2.20 หมื่นล้านบาท เติบโต 123.17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.86 พันล้านบาท รับอานิสงส์จากปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น และอัตราค่าระวางเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น

บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 544.90 ล้านบาท เติบโต 119.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 248.51 ล้านบาท โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ค่าผ่านทาง 1.28 พันล้านบาท เติบโต 57%

เปิด 12 หุ้น กลุ่ม “ขนส่ง-โลจิสติกส์” 9 เดือนกำไรโตแกร่ง

จับตา III ดีดบวก! หลังโชว์กำไร Q3 โต 52% ดัน 9 เดือนทะลุ 360 ลบ.

kaohoon.com (วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565)

 

ลุ้น III เปิดเช้าดีดบวก! หลังไตรมาส 3/65 กำไรโต 52% แตะ 146 ลบ. อานิสงส์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศเติบโตโดดเด่น และกำไรกิจการร่วมค้าหนุน

สำหรับไตรมาส 3/65 บริษัทมีรายได้มีรายได้รวม 744 ล้านบาท เติบโต 22.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 605.6 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศที่เติบโตโดดเด่น จากการเปิดประเทศภายหลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย ทำให้อุตสาหกรรมการบินเริ่มดำเนินเข้าสู่ภาวะปกติและมีปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
และกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายก็ยังมีผลการดำเนินก็ยังมีผลการดำเนินที่ดีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการค้าร่วมในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 72.1 ล้านบาท โดยยังคงเป็นกลุ่มบริษัท เอเชีย เน็คเวิร์ค อินเตอร์เนชั่น จำกัด (ANI)และ บริษัท DG Packaging Pte., Ltd. ที่สร้างผลตอบแทนให้เป็นอย่างดีและรวมถึงบริษัท เอ็กคู่ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) ของกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล ที่สามารถรักษาความสามารถในการทำกำไร ประกอบกับ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ซึ่งบริษัทได้ลงทุนผ่าน บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด สามารถทำกําไรได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าและมีแนวโน้มการทำกําไรที่สูงขึ้นในอนาคต

 

จับตา III ดีดบวก! หลังโชว์กำไร Q3 โต 52% ดัน 9 เดือนทะลุ 360 ลบ.

บอร์ดทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ไฟเขียวเสนอผู้ถือหุ้นเข้าลงทุน 5,520 ล้าน ซื้อกิจการ Asia GSA มาเลเซีย ขึ้นแท่นผู้นำโลจิสติกส์ในเอเชีย

คณะกรรมการ บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) มีมติอนุมัติเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าซื้อกิจการ Asia GSA (M) ในประเทศมาเลเซีย มูลค่ากว่า 5,520 ล้านบาท ผ่านบริษัทย่อย ANI ขึ้นแท่นผู้นำโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชีย เล็งขยายบริการมากกว่า 10 ประเทศ ตอกย้ำยุทธศาสตร์ "Logistics and Beyond" เร่งสร้างรายได้เติบโตแข็งแกร่งในปี 2566 นายทิพย์  ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (III) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการ Asia GSA (M) ผ่านบริษัทย่อย เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (Asia Network International หรือ ANI) ที่ III ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.35 โดยเงินลงทุนในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5,520 ล้านบาท นับเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของบริษัทในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน  ภายใต้แนวคิด “Logistics and Beyond” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งก้าวสู่การเป็นบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำในระดับภูมิภาคนายทิพย์  ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (III) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการ Asia GSA (M) ผ่านบริษัทย่อย เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (Asia Network International หรือ ANI) ที่ III ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.35 โดยเงินลงทุนในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5,520 ล้านบาท นับเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของบริษัทในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน  ภายใต้แนวคิด “Logistics and Beyond” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งก้าวสู่การเป็นบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำในระดับภูมิภาค “การเข้าลงทุนในบริษัท Asia GSA (M) ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว ด้วยการขยายเครือข่ายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย ผ่านเครือข่ายพันธมิตรมากกว่า 10 ประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม รวมถึงไทย และสามารถขยายเครือข่ายพันธมิตรไปสู่ภูมิภาคอื่นทั่วโลก เช่น ยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นพัฒนาการครั้งสำคัญทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างที่จะทำให้บริษัทฯ เติบโตสู่การเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ในเอเชียที่มีเครือข่ายและฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคนี้” นายทิพย์กล่าว จากการเข้าลงทุนดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ขึ้นอีกจำนวน 25.387,820.50 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียนจำนวน 380,817,306.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 406,205,126.50 บาท และมีมติอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ โดยกำหนดสิทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Offerings) ในอัตราจัดสรร 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนที่จะสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจอื่นๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ในอนาคต สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการ Asia GSA (M) ของ III ผ่านบริษัทย่อย ANI จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2566 ขณะที่แผนการนำ ANI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะขอยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือน 4 ของปี 2566 ซึ่งหาก ANI สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาค สำหรับการเข้าซื้อกิจการ Asia GSA (M) เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ภายใต้แนวคิด "Logistics and Beyond" ซึ่งประกอบไปด้วย 4 แนวคิดหลัก ดังนี้ - Beyond Boundary จากผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรระดับแนวหน้าของไทย ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำในระดับภูมิภาค โดยเตรียมความพร้อมการเป็นตัวแทนสายการบินต่าง ๆ ในระดับภูมิภาค จากปัจจุบันที่เป็นตัวแทนอยู่กว่า 20 สายการบิน - Beyond Traditional Logistics Service พัฒนาโมเดลธุรกิจและบริการในรูปแบบใหม่ ๆ นอกเหนือไปจากบริการเดิม อาทิ ธุรกิจการให้บริการภาคพื้นอากาศยานที่ครอบคลุมทั้งสินค้าและผู้โดยสาร ธุรกิจการขนส่งสินค้าทางรางทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ - Beyond Traditional Platform พัฒนาบริการโลจิสติกส์ในรูปแบบออนไลน์ อาทิ e-Commerce Enabler, e-Logistics Platform เพื่อรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดอีคอมเมิร์ส - Beyond Existing Expertise ต่อยอดการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์เฉพาะทาง นายทิพย์ กล่าวเสริมว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางอากาศในช่วงครึ่งปีหลัง มีทิศทางทีดีขึ้น หลังจากการเดินทางทั่วโลกเริ่มมีการผ่อนคลายและเปิดประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะจีน ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งในปลายปีนี้ ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนคลี่คลายลง ทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ระวางสินค้าให้บริการได้มากขึ้น  จะมีผลต่อผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และต่อเนื่องถึงปี 2566 “บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการในปี 2565 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย และเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 เนื่องจากสายการบินต่าง ๆ ทั่วโลกเริ่มทยอยเปิดการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะจีนคาดว่าจะเริ่มคลายล็อกดาวน์ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้การขนส่งระหว่างประเทศกลับมาคึกคักมากขึ้น” นายทิพย์กล่าวอย่างมั่นใจ

ทริพเพิลไอ โลจิสติกส์ แอนด์ บียอนด์ ชู ANI ขับเคลื่อนการโตแรงปี 66

วิเคราะห์เจาะพื้นฐาน "III" หลังราคาปรับลง 11%

thunhoon.com (วันที่ 26 กันยายน 2565)

บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ส่องหุ้น บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นตกลงมา 11% ฝ่ายวิจัยได้รวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ เช่น ปริมาณขนส่ง ราคาค่าระวาง และต้นทุนพลังงาน จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ประเมินว่ากําไรงวด Q3/65 ไม่น่าจะด้อยไปกว่า Q2/65 และช่วง Q4/65 คาดว่าจะเป็นช่วงที่ III ทํากําไรได้สูงสุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการขนส่งและการเดินทางระหว่างประเทศ

โดยนอกเหนือจากกําไรธุรกิจหลัก (organic) ฝ่ายวิจัยมองว่าธุรกิจที่ III เข้าไปร่วมลงทุน (inorganic) จะช่วยหนุนผลประกอบการ ได้แก่ 1) บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จํากัด(AOTGA) 2) การขนส่งทางราง 3) การผลักดัน ANI เข้าจดทะเบียนใน SET โดยจะนําเงินที่ได้ มาซื้อ ASIA GSA (M) ที่เหลืออีก 80%

ประเมินมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 18.6 บาท อิง Historical PER 23 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside 53.7% แนะนําซื้อ

 

 

https://thunhoon.com/article/261483

III ทั่วโลกเที่ยวบินเด้ง ขนส่งทางอากาศฟื้นแรง

thunhoon (วันที่ 9 กันยายน 2565)

III ขนส่งทางอากาศฟื้นตัวแรง ตามปริมาณสายการบินทั่วโลกเพิ่มเที่ยวบินให้บริการมากขึ้น ขณะที่ขนส่งทางเรือเข้าไฮซีซัน หนุนผลงานครึ่งปีหลัง 2565 โตเด่น ดันรายได้-กำไรทั้งปีโต 30-40% ย้ำกลยุทธ์การเติบโตร่วมกับพันธมิตร และหรือการควบรวมกิจการ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการระบบขนส่ง-โลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งแรก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจขนส่ง ทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Air Freight),  ธุรกิจขนส่งทางเรือ (Sea Freight), กลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์, และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ (Chemical)

โดยตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไปธุรกิจขนส่งทางอากาศ มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามปริมาณสายการบินทั่วโลก ที่จะเพิ่มเที่ยวบินให้บริการมากขึ้น ทําให้มีพื้นที่ระวางเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจให้บริการคลังสินค้าเร่งด่วน (Express Cargo) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา อีกทั้งธุรกิจบริการขนส่ง Cargo Cross Border ในลักษณะ Truck to Air จะเพิ่มเที่ยวขนส่งจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อส่งออกไปยังเส้นทางยุโรป และอเมริกามากขึ้น

*วอลุ่มขนส่งพุ่ง

ขณะที่ธุรกิจขนส่งทางเรือเข้าสู่ไฮซีซันเช่นกัน โดยจะส่งผลให้แนวโน้มปริมาณขนส่ง (วอลุ่ม) สินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีโอกาสในการเพิ่มขบวนสําหรับให้บริการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศ ซึ่งบริการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศในเส้นทางสถานีลาดกระบัง-สถานีสระโก (ราชบุรี) คาดว่าจะมีโอกาสเพิ่มขบวนได้ในไตรมาส 3/2565ภายหลังการสร้างทางรถไฟเพิ่มเติมบริเวณสถานีหัวตะเข้แล้วเสร็จ

สำหรับบริษัท สบาย สปีด จำกัด (SBS) ซึ่งบริษัทเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 18% นั้นบริษัทจะคิดค้นผลิตภัณฑ์ และการให้บริการรูปแบบใหม่ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ควบคู่กับเร่งขยายสาขา – แฟรนไชส์ ให้คาบ 2 หมื่นสาขาภายในปีนี้

*รายได้โต 30-40%

เบื้องต้นบริษัทยังคงประเมินภาพรวมทั้งปี 2565 ว่าทั้งรายได้จากการขายและให้บริการจะเติบโตราว 30-40% YoY สูงกว่าช่วงต้นปีที่ประมาณการไว้ว่าจะเติบโตได้ราว 20% YoY อย่างไรก็ตาม การที่จีนยังคงดำเนินนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในทวีปยุโรป-อเมริกา ซึ่งอยู่ระหวางเผชิญสถานการณ์เงินเฟ้อ ส่งผลโดยตรงให้ค่าครองชีพเร่งตัวขึ้น อาจกดดันให้ความต้องการขนส่งไม่เร่งตัวสูงเทียบเท่ากับช่วงเวลาที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าการปรับกลยุทธ์การเติบโตจากทั้งธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ ควบคู่กับการเติบโตผ่านความร่วมมือทางธุรกิจ (JV) และเข้าควบรวม-หรือซื้อกิจการ (M&A)จะทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต

ส่วนความคืบหน้าการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 50.40%เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมทางระบบบัญชี โดยได้รับคำแนะนำจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ในไตรมาส 4/2565และเข้าซื้อขายใน SET ได้ในข่วงครึ่งแรกของปี 2566

บล.ทิสโก้ : III แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 20 บาท

Hooninside.com (วันที่ 25 สิงหาคม 2565)
III : ผลกระทบจากการปิดกิจการ Triple i Railgistics ต่ำมาก
ผลกระทบต่อกำไรจากการยุติ Triple i Railgistics น้อยกว่า 1%
เราคาดข่าวการปิดกิจการ Triple i Railgistics ทำให้ราคาหุ้นลดลง c3% เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลกระทบต่อกำไรของ III จะน้อยกว่า 1% ของกำไรโดยรวม ในขณะเดียวกัน ก็ได้ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Sitti Logistics Laos Co., Ltd. เพื่อช่วยด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ และเชื่อว่าจะมี upside ต่อกำไรในอนาคต แนะนำ “ซื้อ”
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Sitti Logistics Laos ขณะที่ยุติบริษัท Triple i Railgistics
III ประกาศยกเลิกบริษัท Triple i Railgistics Co., Ltd. ที่จัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งทางรถไฟในประเทศกับ Jong Tungcharoen Transport Group Co., Ltd. และ Power Interfreight Co., Ltd. ในขณะเดียวกันบริษัทได้ร่วมมือกับ Sitti Logistics Laos Co., Ltd. จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 51:49 ในนาม TSL Logistics Co., Ltd. เพื่อช่วยด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ เชื่อมเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายจีน – สปป. ลาว TSL ได้ลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา FYI: Sitthi Logistics Lao Co., Ltd. เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าครบวงจรชั้นนำในประเทศลาว เริ่มประกอบกิจการในปี 2008 โดยเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Petroleum Trading Lao Public Company ในปี 2013 ได้แยกบริษัทออกมาให้บริการด้านโลจิสติกส์ สำหรับสินค้าหลายประเภทไม่เพียงแค่น้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ยังคงประมาณการรายได้และกำไร 2022-24F
เราคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิในปี 2022-24F รวมถึง GPM และ SG&A to sales
มูลค่าเหมาะสมไม่เปลี่ยนแปลง 20.00 บาท อิงจาก PER ปี 2022F ที่ 30.3x
มูลค่าเหมาะสมของเราที่ 20.00 บาท โดยอิงจาก PER ปี 2022F ที่ 30.3 เท่า ซึ่งมาจาก PEG 1.5x ของภาคโลจิสติกส์ และ Cagr 2 ปี (2021-23F) ของ III ที่ 20.2% ความเสี่ยง : การพึ่งพาคู่ค้า/ลูกค้าเชิงกลยุทธ์อย่างมาก ความผันผวนในค่าการขนส่งสินค้า การแข่งขันที่รุนแรง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน

III ตั้ง “ทีเอสแอล โลจิสติกส์” ลุยธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า

Kaohoon.com (วันที่ 23 สิงหาคม 2565)
III ยกเลิกจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “ทริพเพิล ไอเรลจิสติกส์” แล้วจัดตั้งบริษัทย่อย “ทีเอสแอล โลจิสติกส์” ดำเนินธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ ทุนจดทะเบียน 10 ลบ. โดย III ถือหุ้นสัดส่วน 51% บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ระบุว่า ตามที่ได้เผยแพร่ข้อมูลให้นักลงทุนและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทราบเรื่องการอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ทริพเพิล ไอเรลจิสติกส์ จำกัด (TIR) กับกลุ่มบริษัท จงตั้งเจริญ ทรานสปอร์ต กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เพาเวอร์ อินเตอร์เฟรท จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งทางรางในประเทศ ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึงนั้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสทางธุรกิจและยุทธศาสตร์ของการเติบโตของบริษัทฯ โดยจะให้บริการขนส่งทางรางให้ครอบคลุมธุรกิจขนส่งทางรางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศโดยในส่วนของธุรกิจขนส่งทางรางในประเทศจะดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทฯ เอง ซึ่งทำให้ไม่มีการจัดตั้งบริษัทร่วมกับกลุ่มบริษัท จงตั้งเจริญ ทรานสปอร์ต กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เพาเวอร์ อินเตอร์เฟรท จำกัด อีกต่อไป ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจขนส่งทางรางระหว่างประเทศ บริษัทฯ ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ “Sitthi Logistics Laos Co., Ltd.” (Sitthi) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการบริหารและการจัดการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะการขนส่งทางราง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยได้จัดตั้งบริษัท ทีเอสแอล โลจิสติกส์ จำกัด (TSL) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่ง TSL ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
https://www.kaohoon.com/news/553141

III มอง H2/65 เข้าไฮซีซั่น หนุนปริมาณขนส่งโต มั่นใจทั้งปีโตตามเป้ากว่า 30%

infoquest.co.th (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) คาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะโตได้ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก โดยจะเริ่มเข้าช่วงไฮซีซั่นของการขนส่งตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/65 หนุนความความต้องการการขนส่งให้ปรับตัวสูงขึ้นทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้ารวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้นสอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดี จากความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก

แต่อย่างไรก็ตามยังต้องยังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดระหว่างจีน ไต้หวัน และ สหรัฐ รวมไปถึงภาวะสงครามระหว่างยูเครน และ รัสเซีย ที่อาจจะเข้ามากระทบต่อราคาพลังงานได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังอาจจะมีความเสี่ยงด้านการชะลอตัวของการบริโภคจากภาวะเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย “แม้ว่าแรงกดดันด้านต้นทุนพลังงาน สงคราม การเมือง และ เงินเฟ้อ จะคลี่คลายไปบ้างแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากกลับมาอีกก็จะเป็นผลกระทบได้เพิ่มเติมอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 3/65 เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจจะเป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้นทั้ง ทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Airfreight) กลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์  ธุรกิจขนส่งทางเรือ (Seafreight) และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ (Chemical)” นายทิพย์ กล่าว
สำหรับธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Airfreight) จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 3/65 หลังจากสายการบินต่างๆจะมีการเพิ่มเที่ยวบิน ทำให้มีพื้นที่ระวางเพิ่มมากขึ้น และการให้บริการคลังสินค้าเร่งด่วน (Express cargo) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เริ่มให้บริการแล้วในปลายไตรมาส 2/65 และจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 3/65 ส่วนด้านบริการขนส่ง Cargo Cross Border ในลักษณะ Truck to Air จะเพิ่มเที่ยวขนส่งจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อส่งออกไปยังเส้นทางยุโรป และสหรัฐมากขึ้น
ด้านธุรกิจขนส่งทางเรือ (Seafreight) ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นเช่นกัน แม้ว่าค่าบริการการขนส่งจะปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามยังถือว่าสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ผู้ให้บริการภาคพื้นอากาศยาน และผู้โดยสารในท่าอากาศยานภูเก็ต  ยังมีส่วนแบ่งที่ดีขึ้น หลัง 6 เดือนแรกสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ ตามการเปิดประเทศ จากเดิมที่แบกรับภาระขาดทุนมาเกือบ 2 ปีในช่วงโควิด-19 เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 และปีถัดไปจะสร้างผลตอบแทนมากขึ้นต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีแผนขยายการให้บริการในท่าอากาศยาอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งบริการคลังสินค้า และนอกจากบริการคลังสินค้า ซึ่ง ล่าสุด ก็ได้เริ่มให้บริการทำความสะอาดภายในท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลของ AOT ทั้งหมด 6 แห่ง เป็นต้น
ขณะที่การขนส่งทางราง คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีงานด้านระบบรางมากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ระหว่างทำระบบหลังบ้านให้พร้อมต่อการให้บริการในเรื่องระเบียบการขนส่งผ่านด่านต่างๆ ซึ่งบริษัทคาดว่า จะเริ่มให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบที่จะเชื่อมเส้นทางการขนส่งไทย จีน และ สปป.ลาว ในช่วงปลายปี 65 หลังจากได้เริ่มให้บริการการขนส่งทางรางในประเทศไปแล้ว
ส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ยังคงสร้างการเติบโตได้ดีต่อ เบื้องต้นบริษัทมีแผนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าอีก 2,000 ตารางเมตร จากเดิม 30,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการในปลายไตรมาส 3/65 นี้ พร้อมศึกษาคลังสินค้าแบบ Build to suit เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และลดต้นทุน อีกทั้งในส่วนของบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. (DGP)จะเริ่มให้บริการจำหน่ายกล่องสินค้าแบบออนไลน์เพื่อเป็นอีกช่องทางเลือกแก่ลูกค้าในไตรมาส 4/65
บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) ที่บริษัทถือหุ้น 50.4% ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดว่าภายในไตรมาส 3/65 หรือต้นไตรมาส 4/65 จะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้ในช่วงต้นปี 66 ซึ่งในอนาคตอาจพิจารณาเข้าไปเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีกด้วย
นายทิพย์ เปิดเผยอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปี 65 และ ในปี 66 บริษัทจะเน้นผลักดันการร่วมมือทางธุรกิจ (JV) หรือ ซื้อกิจการ (M&A) ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการขนส่งทางราง ที่หลังจากก่อนหน้านี้ได้เซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับผู้นำด้านโลจิสติกส์อันดับ 1 ของ สปป.ลาว และ จะทยอยเซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรในประเทศจีนให้ได้มณฑลละ 1-2 ราย ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการสำเร็จไปหลายรายแล้ว
โดยภาพรวมทั้งปีบริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 30% และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ หลัง6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 231 ล้านบาท เติบโต 42.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,466 ล้านบาท เติบโต 15.1% จากการเติบโตในทุกๆธุรกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์
https://www.infoquest.co.th/2022/224065

‘ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ‘ ตอกย้ำยุทธศาสตร์ “Logistics And Beyond” มั่นใจปีนี้ผลงานเด่นตามเป้า!

trjournalnews.com (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

 

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ทุบสถิตินิวไฮอีกครั้งด้วยกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จำนวน 119.1 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นกว่าร้อยละ 39.0 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เดินหน้ากลยุทธ์Logistics and Beyond บริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมครบวงจร พร้อมดันANI บริษัทตัวแทนขายระวางสายสินค้าทางสายการบินเข้าตลาดหลักทรัพย์ไตรมาสที่ 4

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมของธุรกิจจะยังเติบโตได้เป็นอย่างดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยเฉพาะในไตรมาส 3/2565 ที่จะมีปริมาณความต้องการใช้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season สอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดี ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจช่วยเกื้อหนุนการส่งออก ได้แก่ ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของการบริโภคจากภาวะเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคในต่างประเทศ

“บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2565 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ทั้งจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ของการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศักยภาพทางการแข่งขันของธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มที่เรามีความชำนาญในแต่ละธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง รวมถึงแผนการขยายธุรกิจและเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์ในทุกมิติ ซึ่งเป็นแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Logistics and Beyond” ก้าวสู่การเป็นบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทิพย์กล่าว

โดยแนวคิดการเติบโตแบบ “Logistics and Beyond” คือแผนการดำเนินธุรกิจที่ขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างแท้จริงทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจด้วยการจับมือพันธมิตรในระดับภูมิภาคเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการ การพัฒนาโมเดลธุรกิจและบริการในรูปแบบใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากบริการเดิมที่บริษัทฯ มีให้บริการอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาแพลมฟอร์ม e-Logistics เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด e-Commerce จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคภายหลังภาวะโรคระบาด รวมไปถึงการต่อยอดบริการด้านโลจิสติกส์เฉพาะทางที่บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว

นายทิพย์ เผยต่อถึงแผนการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงพยายามผลักดันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะขอยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ จากนั้นจะยื่นจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก (IPO) ราวช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหาก ANI สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

สำหรับผลประกอบการ ANI ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมาย โดยครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมามีรายได้จากการให้บริการกว่า 2,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 245 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ทางกลุ่มให้บริการมากกว่า 120,000 ตันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่า ANI จะสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่องทั้งปี นอกจากนี้ จากมาตรการเดินทางเข้าและออกที่เข้มงวดของประเทศจีน ส่งผลให้เที่ยวบินที่มีผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จึงเป็นโอกาสที่ดีต่อธุรกิจให้บริการเที่ยวบินแบบขนส่งสินค้าของ ANI

นายทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของทริพเพิล ไอ นั้นสูงสุด ทั้งที่เป็นไตรมาสที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่า สถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ส่งผลให้มีปัจจัยบวกต่อุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งการเดินทางทั่วโลกที่มีการผ่อนคลายเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนคลี่คลายลงทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ระวางสินค้าให้บริการได้มากขึ้น และราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง ในส่วนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศจีนและไต้หวันคาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก

สำหรับสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ 41.7% ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล 4.4% ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ 29.8% และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ 24.1%

https://www.trjournalnews.com/45832

III เตรียมนำ ANI เข้าตลาดหุ้นราวต้นปีหน้า- มั่นใจปีนี้โตตามเป้าหมาย

thunhoon.com (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

 

#III #ทันหุ้น-III เตรียมนำ ANI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในต้นปีหน้า จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ในส่วนของผลประกอบการของ III ปีนี้มั่นใจเติบโตได้ตามเป้าหมาย หลังจากที่ไตรมาส 2/65 ทำนิวไฮได้อีกครั้ง แม้ว่าไตรมาสที่ผ่านมาจะมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย มาตรการล็อคดาวน์ของจีนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ

นายทิพย์  ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ III เปิดเผยถึงแผนการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงพยายามผลักดันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะขอยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ จากนั้นจะยื่นจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก (IPO)  ราวช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหาก ANI สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

สำหรับผลประกอบการ ANI ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมาย โดยครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมามีรายได้จากการให้บริการกว่า 2,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 245 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ทางกลุ่มให้บริการมากกว่า 120,000 ตันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่า ANI จะสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่องทั้งปี นอกจากนี้ จากมาตรการเดินทางเข้าและออกที่เข้มงวดของประเทศจีน ส่งผลให้เที่ยวบินที่มีผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จึงเป็นโอกาสที่ดีต่อธุรกิจให้บริการเที่ยวบินแบบขนส่งสินค้าของ ANI

**III ผลประกอบการ Q2/65 เติบโต 

นายทิพย์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 119.1 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นกว่า 39.0% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และทำสถิตินิวไฮอีกครั้ง ทั้งที่เป็นไตรมาสที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี โดยมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย มาตรการล็อคดาวน์ของจีนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ รวมถึงการที่ในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ ต้องตั้งสำรองจากลูกหนี้สายการบินรายหนึ่งกว่า 16 ล้านบาท แต่ด้วยยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างแท้จริง โดยการเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพื้นฐาน 4 กลุ่มหลัก ประกอบกับการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่มาจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ที่ผ่านมาสามารถสร้างส่วนแบ่งกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องตามคาดการณ์

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่า สถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ส่งผลให้มีปัจจัยบวกต่อุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งการเดินทางทั่วโลกที่มีการผ่อนคลายเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนคลี่คลายลงทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ระวางสินค้าให้บริการได้มากขึ้น และราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง ในส่วนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศจีนและไต้หวันคาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก

“บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2565 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ทั้งจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ของการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III กล่าว

https://www.thunhoon.com/article/259515?fbclid=IwAR2zTicYV7s_o_Le7lIRJQAJ6SLA2_xoeQK02pZS4-184SO11QIKKaSpu2E

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ปลื้มผลประกอบการ Q2/65 พุ่งนิวไฮอีกรอบ ตอกย้ำยุทธศาสตร์ "Logistics and Beyond" มั่นใจปีนี้ผลงานเด่นเติบโตเข้าเป้า

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ทุบสถิตินิวไฮอีกครั้งด้วยกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จำนวน 119.1 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นกว่าร้อยละ 39.0 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าไตรมาสที่ผ่านมาจะมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย มาตรการล็อคดาวน์ของจีนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ รวมถึงการที่ในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ ต้องตั้งสำรองจากลูกหนี้สายการบินรายหนึ่งกว่า 16 ล้านบาท แต่ด้วยยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างแท้จริง โดยการเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพื้นฐาน 4 กลุ่มหลัก ประกอบกับการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่มาจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ที่ผ่านมาสามารถสร้างส่วนแบ่งกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องตามคาดการณ์ นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมของธุรกิจจะยังเติบโตได้เป็นอย่างดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยเฉพาะในไตรมาส 3/2565 ที่จะมีปริมาณความต้องการใช้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season สอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดี ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจช่วยเกื้อหนุนการส่งออก ได้แก่ ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของการบริโภคจากภาวะเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคในต่างประเทศ “บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2565 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ทั้งจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ของการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศักยภาพทางการแข่งขันของธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มที่เรามีความชำนาญในแต่ละธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง รวมถึงแผนการขยายธุรกิจและเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์ในทุกมิติ ซึ่งเป็นแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Logistics and Beyond” ก้าวสู่การเป็นบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทิพย์กล่าว โดยแนวคิดการเติบโตแบบ "Logistics and Beyond" คือแผนการดำเนินธุรกิจที่ขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างแท้จริงทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจด้วยการจับมือพันธมิตรในระดับภูมิภาคเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการ การพัฒนาโมเดลธุรกิจและบริการในรูปแบบใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากบริการเดิมที่บริษัทฯ มีให้บริการอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาแพลมฟอร์ม e-Logistics เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด e-Commerce จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคภายหลังภาวะโรคระบาด รวมไปถึงการต่อยอดบริการด้านโลจิสติกส์เฉพาะทางที่บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว นายทิพย์ เผยต่อว่าแผนการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงพยายามผลักดันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะขอยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ จากนั้นจะยื่นจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก (IPO) ราวช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหาก ANI สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย สำหรับผลประกอบการ ANI ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมาย โดยครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมามีรายได้จากการให้บริการกว่า 2,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 245 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ทางกลุ่มให้บริการมากกว่า 120,000 ตันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่า ANI จะสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่องทั้งปี นอกจากนี้ จากมาตรการเดินทางเข้าและออกที่เข้มงวดของประเทศจีน ส่งผลให้เที่ยวบินที่มีผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จึงเป็นโอกาสที่ดีต่อธุรกิจให้บริการเที่ยวบินแบบขนส่งสินค้าของ ANI นายทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของทริพเพิล ไอ นั้นสูงสุด ทั้งที่เป็นไตรมาสที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่า สถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ส่งผลให้มีปัจจัยบวกต่อุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งการเดินทางทั่วโลกที่มีการผ่อนคลายเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนคลี่คลายลงทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ระวางสินค้าให้บริการได้มากขึ้น และราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง ในส่วนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศจีนและไต้หวันคาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก

III ประกาศดัน ANI เข้าตลาดฯ ปลายปีนี้ เชื่อมจิ๊กซอว์ผงาดโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคทั้งทางอากาศ-เรือ-ราง

บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) ปักหมุดแตกธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน โดยกลุ่ม ANI จะเข้าระดมทุนในไตรมาส 4/2565 พร้อมจับมือพันธมิตรใหญ่ในลาว เตรียมปูพรมบริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟสายจีน-สปป.ลาว ประกาศสิ้นปีนี้ก้าวสู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ครอบคลุมทั้งทางอากาศ เรือ และราง นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ปีนี้เห็นสัญญาณการเติบโตของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรก จากการที่หลายประเทศทั้งภูมิภาคยุโรป และเอเชีย เริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ แนวโน้มปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ ทำให้บริษัทฯ มีอุปทานของพื้นที่ระวางขนส่งสินค้าทางอากาศให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกต่อแผนการแตกธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน เพื่อนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยไตรมาส 4 ปีนี้ เตรียมนำบริษัทร่วมทุน “บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI)” เข้าระดมทุน สานเป้าหมายของทริพเพิลไอ ในการก้าวเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค เนื่องจากปัจจุบัน ANI เป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินไม่ต่ำกว่า 20 สายการบินทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยครอบคลุมประเทศไทย เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า และกัมพูชา ซึ่งเป็นฐานการผลิต และการกระจายสินค้าในระดับนานาชาติ “ผลประกอบการของ บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ในไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 744.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.73 ล้านบาท เติบโตกว่า 45.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นตัวเลขที่เราค่อนข้างพอใจ เพราะโดยทั่วไปของธุรกิจนี้ แม้ในไตรมาสแรกจะมีปัจจัยภายนอกกระทบ ทั้งเป็นช่วงที่มีความต้องการขนส่งสินค้าน้อยสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี รวมถึงการมีวันหยุดยาว อีกทั้งเมื่อเดือนมีนาคม ยังมีการล็อคดาวน์ของจีน ซึ่งกระทบเราที่มีธุรกิจในเอเชียและจีนมาก แต่เรายังสามารถสร้างการเติบโตได้ และเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปกติเป็นช่วงพีคสุดของปี ตัวเลขการเติบโตต่างกันเพียง 1%” นายทิพย์กล่าว ทั้งนี้ การเติบโตในไตรมาสแรกเป็นผลจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่มาจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการรับรู้ส่วนแบ่งกําไรอย่างโดดเด่น จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ขณะที่ยังรักษาระดับการทำกำไรจากธุรกิจหลักในกลุ่มบริหารจัดการโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยนายทิพย์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจดังกล่าวจะยังสามารถเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศ ที่บริษัทฯ ได้ให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า จากสถานการณ์ตู้ขนส่งสินค้าขาดแคลน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้แก่ สินค้ากลุ่มอาหาร ผลไม้ ยาและเวชภัณฑ์ ทางด้านกลยุทธ์การเติบโตในไตรมาส 2/2565 สำหรับกลุ่มธุรกิจหลัก บริษัทฯ ได้ขยายการให้บริการขนส่งทางราง โดยวางภาพไว้ครอบคลุมทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยในส่วนของการขนส่งในประเทศ เริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 นี้ ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม นำร่องจากเส้นทางลาดกระบัง-ราชบุรี จำนวน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ และเตรียมแผนขยายบริการไปยังเส้นทางอื่นๆ ที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น ล่าสุด บริษัทฯ มีความร่วมมือกับบริษัท Sitthi Logistics Laos Co., Ltd. (“Sitthi”) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคลังสินค้าครบวงจรชั้นนำในประเทศลาว เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจการเป็นตัวแทนให้บริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 65 อีกทั้งถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเป้าหมายหลัก ในการให้บริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว “ภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะสามารถผลักดันเป้าหมาย การก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ที่ครอบคลุมทั้งระบบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ทางเรือ และทางราง ผ่านการขยายการลงทุนและความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร” นายทิพย์กล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจจุดรับส่งพัสดุ (Drop-off) โดยการขายหุ้นบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จํากัด (ShipSmile) 43% ให้กับบริษัท สบาย สปีด จำกัด (SBS) ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง และภายหลังการปรับโครงสร้าง ทริพเพิลไอ จะเข้าถือหุ้น SBS ในสัดส่วน 18% ทั้งนี้ SBS จะเป็นผู้ดําเนินธุรกิจการให้บริการจุดรับส่งพัสดุ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร เพิ่มบริการอื่นๆ นอกจากการเป็นจุดรับส่งพัสดุ ได้แก่ บริการขายประกันขนส่ง ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ บริการต่อ พรบ. บริการรับชำระค่าสาธารณูปโภคและค่าโทรศัพท์ เป็นต้น ปัจจุบันกลุ่มมีสาขาที่ให้บริการรวม ShipSmile แล้วมากกว่า 12,000 สาขา “ถือเป็นการรวมจุดแข็งของธุรกิจ Delivery และ Logistics สร้างระบบอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์ เพราะในธุรกิจนี้ การมีจำนวนสาขามากจัดเป็นข้อได้เปรียบของ Express Shop หรือ Drop-off เพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมาก และครอบคลุมยิ่งขึ้น ต้นทุนลดลง อีกทั้งสอดคล้องกับแนวโน้มการปรับตัวรับการแข่งขันของผู้ประกอบการ Delivery ที่เห็นโอกาสประหยัดต้นทุนในการเปิดสาขาใหม่และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยมาร่วมเป็นพันธมิตรในเครือข่ายของ SBS” นายทิพย์กล่าว

III ประกาศเป้าหมายใหญ่ปี 65 ปักหมุดเป็นโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคเอเชีย

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ หรือ III ประกาศปี 65 ดัน 2 โครงการ บุกเบิกความสำเร็จในการไต่ชั้นบริษัทระดับภูมิภาค (Regional) พร้อมนำ ANI เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมรับขาขึ้นของขนส่งทางอากาศและสายการบิน เตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านโลจิสติกส์ ขยายธุรกิจการขนส่งทางรางสู่การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Logistics) นายวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายในปี 2565 ตั้งเป้าผลักดันธุรกิจของ III สู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยนำร่องจากการแตกบริษัทลูกคือ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) นำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาสู่การเป็นกลุ่มตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในระดับภูมิภาค เพื่อให้สอดรับกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาค (Regional Logistics Player) ปัจจุบัน ANI มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และมีสำนักงานครอบคลุม ฮ่องกง สิงคโปร์ เวียดนาม พม่า และกัมพูชา ซึ่งเป็นฐานการผลิตและการกระจายสินค้าในระดับนานาชาติ สร้างสัดส่วนผลประกอบการ 70% จากต่างประเทศ และมีการเติบโตชัดเจน จึงมีศักยภาพที่จะสร้างความเติบโตในฐานะบริษัทระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมในปีนี้ “ผลประกอบการด้านการขนส่งทางอากาศทั้งของเราและภูมิภาคยังเติบโตสูง ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจสายการบินเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้นเราเห็นโอกาสเติบโต จึงเป็นจังหวะที่ดีในการที่จะนำ ANI เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุนเพื่อนำมาขยายธุรกิจต่อเนื่องในภูมิภาค และเตรียมความพร้อมเป็นตัวแทนสายการบินต่างๆ จากปัจจุบันเรามีอยู่กว่า 20 สายการบินที่เราเป็นตัวแทนในระดับภูมิภาค” นายวิรัชกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขยายธุรกิจเพิ่มเติมในส่วนของการขนส่งทางราง (Rail Freight) โดยจะพัฒนาเป็นการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างประเทศได้ภายในไตรมาส 2/2565 โดยรุกจากเส้นทางรถไฟสายจีน-สปป.ลาว ที่เริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชื่อมต่อสำคัญภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) ทั้งนี้ นายวิรัชมองว่าการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งส่วนของการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศ รวมถึงการขนส่งสินค้าทางบก การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนแบบ Multimodal ขนสินค้าเชื่อมโยงระหว่างจีนกับอาเซียน “นี่คือ 2 โครงการหลักๆ ของปีนี้ที่จะขับเคลื่อนเป้าหมายการเติบโตของ III เป็นการพัฒนารูปแบบโลจิสติกส์ใหม่ๆ ไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจที่ทำอยู่ปัจจุบัน โดยมีการขยายผลิตภัณฑ์โลจิสติกส์ใน segment ใหม่ๆ” นายวิรัชกล่าว จากการคาดการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย มองแนวโน้มการเติบโตทั้งการขนส่งสินค้าทางอากาศและการขนส่งสินค้าทางทะเลในปี 2565 ว่ายังมีทิศทางที่ดี โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ 3.4 และคาดว่าการส่งออกของไทยจะมีการขยายตัวที่ร้อยละ 3.0-4.0 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับมาภายหลังการเปิดประเทศ นายวิรัชกล่าวว่า ปีนี้ III ยังมองถึงการเกาะติดโอกาสด้านธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ สำหรับลูกค้ากลุ่มอี-คอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซ และ Domestic Delivery ที่มีการขยายตัว โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ บมจ. สบาย เทคโนโลยี พัฒนาธุรกิจให้ ShipSmile และจับมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการ Delivery ทุกค่าย และยังมีการเพิ่มบริการอื่นๆ เป็นให้เป็นศูนย์รวมระบบแฟรนไชส์ ทั้งจุดรับส่งพัสดุ และบริการรูปแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสอื่นๆ ปัจจุบันมีจำนวนสาขาประมาณ 5,000 สาขา และตั้งเป้าหมายครบ 9,000 สาขาในปีนี้ ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ สามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New high) ติดต่อกันทุกไตรมาสตลอดทั้งปี โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,939.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 82.9 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 377.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 132.2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 162.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นความสำเร็จที่มาจากการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่หลากหลาย การขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ทริพเพิล ไอ ภูมิใจเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือสังคมไทยตลอดปี 2564

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มุ่งมั่น และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยความเชื่อที่ว่าธุรกิจไม่อาจประสบความสำเร็จอย่างยั่นยืนหากขาดการให้ความสำคัญกับสังคม โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ในขณะที่ทุกภาคส่วนของประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯ ยังตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ในปีนี้จึงมีการแรงร่วมใจทั้งทีมผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาของทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์และบริษัทในเครือ ร่วมกันทำกิจกรรมดีๆ คืนสู่สังคมหลายโครงการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาให้กับหน่วยงานต่างๆ และช่วยบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โรคระบาด นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติก จำกัด (มหาชน) เล่าให้เราฟังว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์โควิด-19 แม้ว่าบริษัทฯ เองจะได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจบางส่วน แต่ทีมผู้บริหารรวมถึงพนักงานทุกระดับชั้น ยังพยายามขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้การรวมตัวทำกิจกรรมจะทำได้ยากก็ตาม แต่เรามองว่าเมื่อสังคมประสบกับภาวะที่ยากลำบาก เรายิ่งต้องพยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลือกัน เรื่องราวดีๆ ในปีนี้ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมด้านแรก คือ ด้านสาธารณสุข โดยเริ่มตั้งแต่การจัดหาวัคซีนให้แก่พนักงาน และกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทฯ เข้าร่วมโครงการขอรับการจัดสรรวัคซีนทางเลือก "ซิโนฟาร์ม" กับทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นอกจากการจัดหาวัคซีนให้แล้วนั้น ทางบริษัทฯ ยังจัดเตรียมชุด Home Isolation Kit ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์พื้นฐานทางการแพทย์ และชุดยาที่ครอบคลุมอาการเจ็บป่วยส่งไปให้พนักงานที่ติดเชื้อไรวัสโควิด-19 เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้นในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ในช่วงที่การแพร่ระบาดเริ่มรุนแรง บริษัทฯ ร่วมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ได้แก่ชุด PPE หน้ากากอนามัย เฟสชีลด์ อุปกรณ์วัดออกซิเจนปลายนิ้ว ถุงมือยาง และสเปรย์แอลกอฮอล์ ให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโควิด-19 เพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานแพทย์ในการออกตรวจและรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณสุข อ.จอมบึง จ.ราชบุรี คุณทิพย์ เล่าต่อว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับช่วงวิกฤตปัญหาผู้ป่วยล้นเตียง และเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการช่วยเหลือไม่เพียงพอ ตนจึงเป็นโต้โผใหญ่ชวนนายวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน และกรรมการบริษัทฯ และบริษัทในเครือ นำเครื่องช่วยหายใจ High Flow Oxygen จำนวน 4 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ไปมอบให้กับโรงพยาบาลสิรินธร สำนักการแพทย์ กทม. เพื่อช่วยสนับสนุนเครื่องมือสำคัญแก่บุคลากรทางการแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย อีกทั้งมีการบริจาคเครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 10 ลิตร จำนวน 7 เครื่อง ให้กับหอผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 (ICU สนาม) โรงพยาบาลศิริราช และกระจายไปยังโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช และโรงพยาบาลชัยบาดาล จ.ลพบุรีเครื่อง อีกจำนวน 5 เครื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้บริจาคอาหารเสริม น้ำดื่ม ของใช้เด็ก และสนับสนุนอาหารประจำวันจำนวนสามมื้อให้กับน้องๆ และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านคามิลเลียนเพื่อเด็กพิการลาดกระบัง ภายหลังจากเหตุที่มีเด็กและเจ้าหน้าที่บางส่วนติดเชื้อโควิด-19 ให้กับเด็กๆ และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์อีกด้วย ต่อมาในช่วงปลายปี 2564 หลังจากประชาชนจำนวนมาก ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 1-2 แล้ว ทำให้จำนวนตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อลดน้อยลง และดูเหมือนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย แต่หลายจังหวัดในภาคใต้กลับประสบกับอุทกภัยอย่างหนัก ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือนร้อน ขาดแคลนที่อยู่อาศัย อาหาร และน้ำดื่ม ทางบริษัทฯ ได้จัดการสนับสนุนรถขนส่งน้ำดื่มให้กับสำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และล่าสุดบริษัทฯ ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับวิสาหกิจชุมชนจากการเข้าร่วมโครงการ Rayong Influencer Challenge 2021 เพื่อระดมรายได้สนับสนุนสินค้าชุมชนที่เป็นของดีในจังหวัดระยอง จากความตั้งใจที่จะเป็นส่วนเล็กๆ ที่มีโอกาสช่วยเหลือสังคม ในปีนี้ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ได้จัดทำโครงการต่างๆ รวมมูลค่ากว่าสองล้านห้าแสนบาท และยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับการยืนเคียงข้างภาคสังคมและชุมชนให้สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน เพราะเราเชื่อว่าแม้ในยามยากลำบาก เราจะสามารถผ่านวิกฤตไปพร้อมกันได้ด้วยการเกื้อกูล

ทริพเพิล ไอ ภูมิใจเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือสังคมไทยตลอดปี 2564

hooninside.com (วันที่ 16 ธันวาคม 2564)
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 ธันวาคม 2564)   บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii   เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มุ่งมั่น และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยความเชื่อที่ว่าธุรกิจไม่อาจประสบความสำเร็จอย่างยั่นยืนหากขาดการให้ความสำคัญกับสังคม โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ในขณะที่ทุกภาคส่วนของประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  แต่บริษัทฯ ยังตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ในปีนี้จึงมีการแรงร่วมใจทั้งทีมผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาของทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์และบริษัทในเครือ ร่วมกันทำกิจกรรมดีๆ คืนสู่สังคมหลายโครงการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาให้กับหน่วยงานต่างๆ และช่วยบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โรคระบาด นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติก จำกัด (มหาชน) เล่าให้เราฟังว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์โควิด-19 แม้ว่าบริษัทฯ เองจะได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจบางส่วน แต่ทีมผู้บริหารรวมถึงพนักงานทุกระดับชั้น ยังพยายามขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้การรวมตัวทำกิจกรรมจะทำได้ยากก็ตาม แต่เรามองว่าเมื่อสังคมประสบกับภาวะที่ยากลำบาก เรายิ่งต้องพยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลือกัน เรื่องราวดีๆ ในปีนี้ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมด้านแรก คือ ด้านสาธารณสุข โดยเริ่มตั้งแต่การจัดหาวัคซีนให้แก่พนักงาน และกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทฯ เข้าร่วมโครงการขอรับการจัดสรรวัคซีนทางเลือก "ซิโนฟาร์ม" กับทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นอกจากการจัดหาวัคซีนให้แล้วนั้น ทางบริษัทฯ ยังจัดเตรียมชุด Home Isolation Kit ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์พื้นฐานทางการแพทย์ และชุดยาที่ครอบคลุมอาการเจ็บป่วยส่งไปให้พนักงานที่ติดเชื้อไรวัสโควิด-19 เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้นในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ในช่วงที่การแพร่ระบาดเริ่มรุนแรง บริษัทฯ ร่วมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ได้แก่ชุด PPE หน้ากากอนามัย เฟสชีลด์ อุปกรณ์วัดออกซิเจนปลายนิ้ว ถุงมือยาง และสเปรย์แอลกอฮอล์ ให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโควิด-19 เพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานแพทย์ในการออกตรวจและรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณสุข อ.จอมบึง จ.ราชบุรี คุณทิพย์ เล่าต่อว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับช่วงวิกฤตปัญหาผู้ป่วยล้นเตียง และเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการช่วยเหลือไม่เพียงพอ ตนจึงเป็นโต้โผใหญ่ชวนนายวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน และกรรมการบริษัทฯ และบริษัทในเครือ นำเครื่องช่วยหายใจ High Flow Oxygen จำนวน 4 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ไปมอบให้กับโรงพยาบาลสิรินธร สำนักการแพทย์ กทม. เพื่อช่วยสนับสนุนเครื่องมือสำคัญแก่บุคลากรทางการแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย อีกทั้งมีการบริจาคเครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 10 ลิตร จำนวน 7 เครื่อง ให้กับหอผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 (ICU สนาม) โรงพยาบาลศิริราช และกระจายไปยังโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช และโรงพยาบาลชัยบาดาล จ.ลพบุรีเครื่อง อีกจำนวน 5 เครื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้บริจาคอาหารเสริม น้ำดื่ม ของใช้เด็ก และสนับสนุนอาหารประจำวันจำนวนสามมื้อให้กับน้องๆ และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านคามิลเลียนเพื่อเด็กพิการลาดกระบัง ภายหลังจากเหตุที่มีเด็กและเจ้าหน้าที่บางส่วนติดเชื้อโควิด-19 ให้กับเด็กๆ และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์อีกด้วย ต่อมาในช่วงปลายปี 2564 หลังจากประชาชนจำนวนมาก ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 1-2 แล้ว ทำให้จำนวนตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อลดน้อยลง และดูเหมือนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย แต่หลายจังหวัดในภาคใต้กลับประสบกับอุทกภัยอย่างหนัก ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือนร้อน ขาดแคลนที่อยู่อาศัย อาหาร และน้ำดื่ม ทางบริษัทฯ ได้จัดการสนับสนุนรถขนส่งน้ำดื่มให้กับสำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และล่าสุดบริษัทฯ ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับวิสาหกิจชุมชนจากการเข้าร่วมโครงการ Rayong Influencer Challenge 2021 เพื่อระดมรายได้สนับสนุนสินค้าชุมชนที่เป็นของดีในจังหวัดระยอง จากความตั้งใจที่จะเป็นส่วนเล็กๆ ที่มีโอกาสช่วยเหลือสังคม ในปีนี้ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์  ได้จัดทำโครงการต่างๆ รวมมูลค่ากว่าสองล้านห้าแสนบาท และยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับการยืนเคียงข้างภาคสังคมและชุมชนให้สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน เพราะเราเชื่อว่าแม้ในยามยากลำบาก เราจะสามารถผ่านวิกฤตไปพร้อมกันได้ด้วยการเกื้อกูล
https://www.hooninside.com/news-feed/238918/view/    

จับตา! ผลงานหุ้นโลจิสติกส์ ที่ยังเติบโตได้แบบไม่สิ้นสุด

www.wealthythai.com (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564) ถึงคราวที่นักลงทุนหันมาเล่นรอบให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มโลจิสติกส์กันอีกครั้งหลังจากที่ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/64 ก็มีกำไรอย่างโดดเด่นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์ขนาดใหญ่แถวหน้าของไทย ที่เติบโตล้อไปกับการส่งออกและนำเข้าของประเทศที่กำลังเติบโตเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของจีดีพีอยู่ในขณะนี้ หุ้นในกลุ่มโลจิสติกส์ที่ Wealthy Thai หยิบยกมาคุยกันในรอบนี้ได้แก่ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE,บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III และบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวโดดเด่นที่น่าสนใจ ผลตอบแทนเกือบ 200% ไม่ถึงปี หากย้อนไปดูความสามารถของการทำราคาหุ้นในช่วงตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะพบว่าแต่ละตัวไม่ธรรมดากันเลย โดยเฉพาะหุ้น WICE ที่ให้ผลตอบแทนนักลงทุนกว่า 187% ขณะที่ III ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันราคาขึ้นแรงกว่า 98% แต่ในช่วงกลางปีที่ราคาหุ้นขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบปีที่ระดับ 14.60 บาท ส่วน JWD เป็นหุ้นที่ราคาคงเส้นคงวามาโดยตลอดและในช่วงรอบต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาหุ้นทำฟอร์มเพิ่มขึ้นได้กว่า 90% ประสิทธิภาพในการทำกำไร ขณะที่ประสิทธิภาพความสามารถในการทำกำไรก็เติบโตไม่น้อยไปกว่าราคาหุ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งผลประกอบการของทั้ง 3 หุ้น หากเทียบกับงวดไตรมาส 3/64 กับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีอัตราการเติบโตในระดับสูง ขณะเดียวกันหากดูที่งวด 9 เดือนแรกของปี 64 ก็เติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน โดย WICE มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.75 % จากปีก่อน และงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น150.67 % ส่วนทาง III มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.57% และงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130.70% สำหรับ JWD รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ที่ 139ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.9% และส่วน 9 เดือนมีสุทธิอยู่ที่ 395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป้าหมายแผนงานของผู้บริหาร นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/64 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ คาดว่าจะสามารถทำผลประกอบการนิวไฮต่อเนื่อง บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจโดยเฉพาะบริการขนส่งข้ามแดน (Cross Border Service) ซึ่งในครึ่งปีแรกได้เพิ่มตู้คอนเทนเนอร์เป็น 500 ตู้ เพื่อรองรับการขยายตัวที่มีแนวโน้มปริมาณงานเพิ่มขึ้นจากความนิยมของลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะทยอยรับมอบได้ครบถ้วนภายในสิ้นปี 64 ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 45% ,งานบริการทางอากาศ (Air Freight) 25%, ขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) 25% , และงานซัพพลายเชน 5% ทางด้าน นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่องในไตรมาสสุดท้าย คาดว่าจะเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รัฐบาลเดินหน้าเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว ทำให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ มีความต้องการใช้บริการขนส่งและจัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์จากผู้บริโภค ดังนั้น จึงคาดว่าปี 64 จะสามารถทำรายได้รวมสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรที่มีโอกาสทำได้มากกว่าคาดการณ์ หลังจากผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกที่ผ่านมามีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายจะดีที่สุดในรอบปีนี้ มุมมองนักวิเคราะห์ต่อหุ้น มาดูกันว่านักวิเคราะห์จะมีมุมมองอย่างไรบ้าง เริ่มที่ WICE บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าปกติใน 4Q ผลการดำเนินงานมักจะใกล้เคียง แต่จะมีช่วงวันหยุดใกล้สิ้นปีการขนส่งจะชะลอลง แต่ยังคงได้ประโยชน์จากค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งผู้บริหารมองว่าจะไปถึงกลางปี 2565 อีกทั้ง ETLได้เพิ่ม Capacity และบริการอีก คาด 4Q64 จะยังเห็นกำไรโตโดดเด่น y-y ซึ่งในปี 65 ETL จะมีให้บริการขนส่งทางรถไฟเพิ่มและจะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ดังนั้นยังแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเป็น 17 บาท เพราะกำไร 3Q64 ที่ดีกว่าคาดและ4Q64 ต่อเนื่อง ปรับกำไรปี 64 และปี 65 ขึ้นเป็น 501 ล้านบาท และ 554 ล้านบาท อิง P/E20 เท่า สำหรับ III ภายใต้มุมมองของบริษัท หลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด มีมุมมองว่า จากการประชุมกับผู้บริหารหลังจากที่ผลประกอบการ 3Q21 ดีกว่าเราและตลาดคาด ทำให้เราปรับประมาณการปี 64 ขึ้นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ และคาดว่า Q4 จะมีการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อ (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนจากการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจตัวแทนขายระวางทางอากาศ (GSA) อยู่ภายใต้บริษัท ANI อยู่ที่ 24.8 ล้านบาทใน 3Q21) มีแผนการนำ ANI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการมุ่งเน้นเพิ่มการขนส่งสินค้าทางรางรถไฟในปี 65 จากการเพิ่มขึ้นของความต้องการการขนส่งโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายๆ รูปแบบ ทำให้ธุรกิจการขนส่งทางอากาศภายใต้บริษัท ANI มีการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง โดยเราคาดว่าในปีหน้าการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศจะช่วยเสริมธุรกิจในกลุ่มดังกล่าว กอปรกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของการให้บริการภาคพื้นดินและคลังสินค้าที่ท่าอากาศยานหลักๆ ในประเทศ (ground handgling and warehouse) นอกจากนี้ เช่นเดียวกับคู่แข่งหลักๆ ในตลาดฯ III มองว่าการขนส่งทางรางรถไฟ (railyard logistics) จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะมีการให้บริการขนส่งทางรางรถไฟเส้นทาง ไทย – ลาว – จีน เนื่องจากธุรกิจ e-commerce มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และมีการคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจการขนส่งทางรางจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายใน 3 ปีจากนี้ ปรับรายได้ปี 64-65 ขึ้น 7% - 5% และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 18.5% เป็น 20% โดยรวมแล้วเราคาดผลประกอบการปี 64-65 จะเพิ่มขึ้นราว 14 – 16% ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมประมาณการจากการขนส่งทางรางเข้าไป แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมใหม่อยู่ที่ 15.50 บาท (จาก 13.30 บาท) อิง PER ที่ 27.2 เท่าสำหรับปี 65 ปิดท้ายที่ JWD บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า แนวโน้ม 4Q64 มีโอกาสสูงที่จะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เพราะ 1) บริษัทยังคงเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ 2) High season ของธุรกิจอาหารในไต้หวัน 3) ธุรกิจยานยนต์ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรม 4) High season ของ TMS และการคลาย Lockdown ของเวียดนามหนุนธุรกิจของ TMS และ 5) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ESCO ครั้งแรกจำนวน 2 เดือน (พ.ย. - ธ.ค.) คาดกำไรเบื้องต้นที่ 150 ล้านบาท ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรปี 65 - 66 ขึ้น 3% และ 6% จากการปรับส่วนแบ่งกำไรจาก ESCO ขึ้นจาก 60 ล้านบาท เป็น 80 ล้านบาท และ 104 ล้านบาท ในปี 65 – 66 ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรม และการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนจาก 15% เป็น 20% ใน 2Q65 อย่างไรก็ตามยังไม่รวมธุรกิจที่ลงทุนในปี 64 ซึ่งจะเริ่มมีนัยสำคัญในปี 65 ได้แก่ 1) JV ในบริษัท Alpha industrial solution ถือในสัดส่วน 50:50 ร่วมกับ ORI ในการสร้างคลังสินค้าขนาดรวม 1 ล้านตร.ม. ภายในปี 68 คาดว่าจะสามารถขายเข้ากอง REIT ด้วยมูลค่าสูงถึง 12,000 ล้านบท โดยมีเป้าหมายในปี65 ที่180,000 ตร.ม. โครงการแรกจะเป็นคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิขนาด 20,000 ตร.ม. ที่บางนา กม. 22 ใช้เงินลงทุน 550 ล้านบาท ทำให้ตลอดทั้งปี 2565 จะมีคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิแห่งใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส 2) Fuze post ธุรกิจที่ JV ร่วมกับไปรษณีย์ไทย และ Flash ให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิระดับ C2C และ e-Commerce คาดหวังรายได้ไม่น้อยกว่าที่ทำเองอยู่ปัจจุบันที่ 100 ล้านบาท โดยอาจสูงถึง 400 ล้านบาทในปีแรก และคาดว่ารายได้ของ JV อาจแตะระดับ 2,000 ล้านบาท ได้ภายใน 3ปี โดยJWD จะถือในสัดส่วนราว 30% คาดเริ่มมีรายได้ใน 2Q65   https://www.wealthythai.com/en/updates/stock/stock-of-the-day/6020

III วอลุ่มแน่น-บวก 5% ลุ้น Q4 ดีต่อเนื่อง-มั่นใจทั้งปีรายได้โตเกิน 100%

www.thunhoon.com (วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564)
III วอลุ่มแน่น-บวก 5% ลุ้น Q4 ดีต่อเนื่อง-มั่นใจทั้งปีรายได้โตเกิน 100%

III โชว์ผลงาน Q3/64 ทุบสถิติกำไรทะลุ 100 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีโตกว่าสองเท่า ผุด Business Development Unit จับอีคอมเมิร์ซ-นิวนอร์มอล และเตรียมขยายธุรกิจตัวแทนสายการบิน หนุนโตต่อเนื่องหลังโควิดคลี่คลาย

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ หรือ III  โชว์ผลประกอบการ Q3/64 ฝ่าวิกฤติโควิดสร้างกำไรต่อเนื่องทะลุ 100 ล้านบาท เชื่อมั่นผลดำเนินงานสิ้นปีนี้ทุบสถิติ All Time High เติบโตมากกว่า 2 เท่า จับเทรนด์นิวนอร์มอลจากสถานการณ์โควิด แตกกลุ่มธุรกิจ Business Development Unit ปั้นแหล่งรายได้ใหม่ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล ตอกย้ำการเป็นผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรบมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ หรือ III  โชว์ผลประกอบการ Q3/64 ฝ่าวิกฤติโควิดสร้างกำไรต่อเนื่องทะลุ 100 ล้านบาท เชื่อมั่นผลดำเนินงานสิ้นปีนี้ทุบสถิติ All Time High เติบโตมากกว่า 2 เท่า จับเทรนด์นิวนอร์มอลจากสถานการณ์โควิด แตกกลุ่มธุรกิจ Business Development Unit ปั้นแหล่งรายได้ใหม่ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล ตอกย้ำการเป็นผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจร นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรของไทยเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องแม้สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งของประเทศไทยและทั่วโลกจะยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19  โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิไตรมาสล่าสุดนี้จำนวน 100.2 ล้านบาท เติบโตกว่าร้อยละ 75.9 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโตร้อยละ 16.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากความสำเร็จดังกล่าว มีปัจจัยสำคัญมาจากความสามารถของบริษัทฯ ในการบริหารธุรกิจท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ และมาตรการ Lockdown ในประเทศ โดยได้ปรับยุทธศาสตร์ให้บริษัทฯ เป็น Operating Holding เต็มรูปแบบ ตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทฯ มีผลประกอบการหลักมาจาก 2 ส่วนคือ จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักในปัจจุบัน และจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ยังสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี “เรามั่นใจว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จะยังคงรักษาความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ดีได้อย่างต่อเนื่องจากทุกกลุ่มธุรกิจ และยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ในทุกรูปแบบ จึงเชื่อว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะสามารถเติบโตได้เป็นสองเท่าของปี 2563” นายทิพย์กล่าว บริษัทฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างยั่งยืน สู่การเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำในระดับภูมิภาคผ่านโมเดลธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งการขยายธุรกิจเพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่และเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรม ไปสู่กลุ่มคอนซูเมอร์ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการปลายทาง สร้างมิติใหม่ในธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ล่าสุด บริษัทฯ ได้แตกกลุ่มธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ Business Development Unit (BU5) เพิ่มเติมจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักที่มีอยู่เดิมเพื่อรองรับเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค และบทบาทของเทคโนโลยีที่จะสามารถเข้ามาสนับสนุนธุรกิจมากขึ้น โดยโมเดลธุรกิจจะครอบคลุมทั้งการพัฒนาบริการใหม่ๆ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2566 จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างสัดส่วนผลประกอบการให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของผลประกอบการรวมของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ในระยะยาว นายทิพย์ กล่าวว่า การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ รวมถึงกระแสของ Business Disruption เป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนในการตัดสินใจตั้ง BU5 ขึ้นมา ซึ่ง BU5 จะมีความคล่องตัวมากกว่าการดำเนินงานภายใต้โครงสร้างเดิม เพื่อรองรับการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะสร้างความโดดเด่นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับกลุ่มทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ รวมทั้งคู่ค้าและลูกค้า สำหรับ BU5 วางแนวคิดการสร้างการเติบโตภายใต้คอนเซ็ปต์ “Logistics and Beyond” BU 5 ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อน ธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ในการขยายขอบเขตการให้บริการต่อยอดบริการเดิมที่มีอยู่ รวมไปถึงพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์โมเดลใหม่ที่แตกต่างไปจากธุรกิจรูปแบบเดิม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการภายใต้ BU5 ดังนี้ 1. การพัฒนาสู่การเป็นผู้นำด้านการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในระดับภูมิภาค เพื่อขยายจากพื้นที่เดิมซึ่งในปัจจุบันเป็นตัวแทนให้แก่สายการบินทั่วภูมิภาคกว่า 20 สายการบิน และปี 2565 จะเห็นการเติบโตอีกมาก โดยตั้งเป้าการเป็นเบอร์ 1 ของตลาดนี้ ซึ่งจากการที่บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) แล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายน 2564 ต่อจากนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนใน ANI เพิ่มเติม เป็นเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการเข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัท เอเชีย จีเอสเอ (เอ็ม) เซินดิเรียน เบอร์ฮัด (ASIA GSA (M) Sdn. Bhd. ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 732 ล้านบาท โดยจะรวมศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ไว้ที่ประเทศไทย และกระจายจัดตั้งสำนักงานสาขาในอีกกว่า 10 เมืองของภูมิภาคนี้ อาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา โดยมุ่งเน้นเมืองที่เป็นฮับของสายการบิน เป็นเส้นทางการบินหลัก และเป็นฐานการกระจายสินค้าในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำ ANI เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Asia GSA (M) ในอนาคต “การปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจขายระวางสินค้าสายการบินในครั้งนี้ เป็นการประสานร่วมกันระหว่างบริษัทฯ กับพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งทำให้ขยายขีดความสามารถในการแข่งขันการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่มีอุปสงค์ในการขนส่งสินค้าทางอากาศสูง เมื่อเทียบกับอุปทานที่ยังไม่สามารถตอบสนองได้จากสถานการณ์การบินในปัจจุบัน” นายทิพย์กล่าว 2. การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศสำหรับกลุ่มลูกค้าอี-คอมเมิร์ซ เพื่อรองรับการเติบโตทั้งแบบ B2B, B2C และการให้บริการคลังสินค้า (Fulfillment) วางเป้าหมายขยายจากฐานลูกค้ากลุ่ม B2B ไปในกลุ่ม B2C โดยจะมีการลงทุนผ่านสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็น Delivery Logistics ซึ่งเติบโตตามธุรกิจจัดส่งสินค้าและอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ เตรียมต่อยอดจากการเข้าไปลงทุนใน ShipSmile ผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจขายแฟรนไชส์ให้ผู้ประกอบการในการขนส่งพัสดุ และเป็นจุดรวบรวมการขนส่งพัสดุภายในประเทศจากบริษัทขนส่งชั้นนำ และสามารถสร้างผลกำไรที่น่าพอใจในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาจากกว่า 4,000 สาขา เป็น 10,000 สาขาภายในปีหน้า พร้อมเพิ่มความหลากหลายของบริการ ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส รับจองตั๋ว รับชำระค่าบริการ เป็นต้น โดยวางตำแหน่งของ ShipSmile เป็น Express Shop ที่เป็นมิตรกับผู้ประกอบการขนส่งพัสดุทุกราย ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบอัตราค่าบริการ โปรโมชั่น และตารางเวลาจัดส่ง เป็นทั้งจุดรับและส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการ โดยเป็นการผสานทั้งช่องทางแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพิ่มตัวเลือกให้กับทั้งลูกค้าและคู่ค้าของ ShipSmile 3. การพัฒนาบริการขนส่งสินค้าในระบบราง ทางบริษัทฯ ได้ศึกษาโอกาสในการพัฒนาการขนส่งสินค้าด้วยระบบรางมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมขยายเส้นทางการขนส่งข้ามแดนระหว่างประเทศ เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าลาว-จีน (BRI) ซึ่งอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาตร์ของประเทศไทยในการเป็นฮับระดับภูมิภาค และเป็นศูนย์กระจายสินค้าในอาเซียน  บริษัทฯ ตั้งเป้าเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาสแรกปี 2565 โดยเพิ่มระยะทางขนส่งทางรางครอบคลุมตั้งแต่มาเลเซีย กรุงเทพ แหลมฉบัง ลาว จีนตอนใต้และตะวันตก สำหรับบริการขนส่งสินค้าในระบบรางภายในประเทศจะพร้อมให้บริการภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีเส้นทางการให้บริการจากภาคใต้มายังภาคกลาง และจากภาคตะวันออกมายังภาคกลาง พร้อมให้บริการขนส่งทางบกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากสถานีรถไฟไปยังจุดหมายที่ลูกค้าต้องการ 4. การพัฒนา E-Logistics Platform เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ โดยจะขยายสู่การให้บริการแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าทั้งกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าและผู้ขายสินค้าออนไลน์ ตั้งแต่การให้บริการคลังสินค้าที่มีอยู่แล้ว ไปจนถึงบริการด้าน Digital Marketing Agency โดยผนึกกับพันธมิตรที่ชำนาญด้านการตลาดดิจิทัล นำเสนอเป็นโซลูชั่นวางแผนการตลาดที่เจาะได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มโอกาสให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์สามารถขยายช่องทางเติบโตของยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งมาร์เก็ตเพลส และโซเชียล มาร์เก็ตติ้ง และ 5. บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิให้กับสินค้ากลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ เป็นการต่อยอดความชำนาญและจุดแข็งในธุรกิจบริการจัดส่งสินค้าและโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง คือการจัดส่งด้วยการควบคุมอุณหภูมิ สำหรับสินค้าอาหารและยา/เวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นโอกาสแหล่งรายได้ใหม่ที่บริษัทฯ สนใจทำอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมามีการเปิดสำนักงานที่ประเทศสิงคโปร์ โฟกัสกลุ่มขนส่งวัคซีนและยาที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิตลอดการขนส่งและจัดเก็บ “จากการผสานศักยภาพกลุ่มธุรกิจหลักที่มีอยู่เดิม และการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้ BU5 จะนำมาซึ่งยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนองค์กรในรูปแบบใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ส่งเสริมขีดความสามารถของธุรกิจให้เติบโตตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทั้งกลุ่มทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ คู่ค้า และลูกค้า อีกทั้งการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย” นายทิพย์กล่าว

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ กำไรฉลุย จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาทต่อหุ้น วันที่ 21 ต.ค. นี้ ลุยปรับโครงสร้าง ANI รองรับธุรกิจตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาค

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii  มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2564 เป็นไปตามเป้าหมาย ประกอบกับกระแสเงินสดของบริษัทฯ ที่มาจากผลการดำเนินงานและจากเงินปันผลที่ได้จากบริษัทย่อย ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า โดยที่ประชุมคณะกรรมการ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 60.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 37.34 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ณ วันที่ 6 ต.ค. 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 5 ต.ค. 2564 กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 ต.ค. 2564   โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ใน 6 เดือนแรกของปี 2564 สร้างกำไรสุทธิรวม 163.2 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 185.2 และสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2563 ที่ 162.5 ล้านบาท   "ในครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทฯ จะยังคงรักษาความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ดีได้อย่างต่อเนื่องจากทุกกลุ่มธุรกิจและยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ในทุกรูปแบบ จึงเชื่อว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะสามารถเติบโตได้เป็นสองเท่าของปี 2563" นายทิพย์กล่าว   นอกจากนี้ หนึ่งในแผนการพัฒนาธุรกิจใหม่นั้น บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตร โดยจะดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าให้กับสายการบินให้แล้วเสร็จเพื่อรองรับการเป็นกลุ่มตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในระดับภูมิภาค โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดโครงสร้างบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) เพื่อให้ ANI เป็น Operating Holding สำหรับกลุ่มธุรกิจการให้บริการตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาค โดยการขายหุ้นสามัญของบริษัท เอ็กเซล แอร์ จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 ให้ ANI โดยแผนในอนาคต ANI มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจให้ครอบคลุมในระดับภูมิภาค ตลอดจนการเป็นตัวแทนสายการบินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกลุ่ม ANI ภายหลังการปรับโครงสร้าง คาดว่าจะมีรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท ในปี 2564  

ทริพเพิล ไอ บริจาคเครื่องผลิตออกซิเจนให้กับไอซียูสนาม รพ.ศิริราช

คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคุณวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน เป็นตัวแทนบริษัทฯ และบริษัทในเครือ สนับสนุนเครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 10 ลิตร ให้กับหอผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 (ICU สนาม) โรงพยาบาลศิริราช จำนวน 7 เครื่อง โดยมี รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกรียงศักดิ์ จีระแพทย์ ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ และสนับสนุนเครื่องผลิตออกซฺเจนอีก 5 เครื่องให้กับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช และโรงพยาบาลชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยมีนายแพทย์พิสิฐ พรหมคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยบาดาล ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รวมมูลค่า 420,000 บาท
 

III กำไรนิวไฮต่อเนื่อง Q2/64 โตกระฉูด 147.2% ผนึกพันธมิตรเสริมแกร่ง มั่นใจผลประกอบการทั้งปีเติบโต 2 เท่า

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ หรือ III เติบโตก้าวกระโดด กำไร Q2/64 แตะ 85.7 ล้านบาท ทุบสถิตินิวไฮสองไตรมาสติดต่อกัน กลุ่มธุรกิจหลัก "ขนส่งสินค้าทางอากาศ-โลจิสติกส์สินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์" ยังสดใส เหตุค่าระวางขาขึ้น รวมทั้งกลุ่มพัฒนาธุรกิจใหม่ยังรับรู้รายได้ต่อเนื่อง หนุนครึ่งปีแรกกำไรทุบสถิติทั้งปี 63 พร้อมเป็น "ฮับ" ตัวแทนสายการบิน ดันบริษัทขึ้นสู่ Logistics Integrator ภูมิภาคเอเชีย ด้านธุรกิจพัสดุในประเทศรุ่ง เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น ShipSmile อีก 8% ผนึกพันธมิตร “สบาย” จับมือ "เคอรี่ เอ็กซ์เพรส" เบอร์ 1 ขนส่งพัสดุในไทยเสริมแกร่งบริษัท มั่นใจผลการดำเนินงานทั้งปีโต 2 เท่า นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 85.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.0 ล้านบาท หรือ 147.2 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 10.7% จากไตรมาส 1/2564 สร้างสถิติกำไรสุทธิทำนิวไฮติดต่อกันสองไตรมาส เป็นผลจากการเติบโตทั้งจากกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่ม และจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่งรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ครึ่งปีแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิรวม 163.2 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 185.2% และสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2563 ที่ 162.5 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายได้ 6 เดือนแรกเติบโตเช่นกัน โดยมีรายได้รวม 1,274.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 69.0% แม้เศรษฐกิจรวมยังได้รับผลกระทบจาก Covid-19 รอบใหม่และการล็อกดาวน์ในประเทศในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สำหรับรายได้รวมงวดไตรมาส 2/2564 มีจำนวน 641.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 85.1% และมีกำไรขั้นต้น 137.4 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 94.9% จากไตรมาส 2/2563 โดยหลักมาจากทุกกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบัน และบริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งจากกลุ่มบริษัท Around Logistics Management และ บริษัท DG Packaging Pte., Ltd. โดยล่าสุดบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จำกัด (ShipSmile) ที่เริ่มรับรู้รายได้เมื่อต้นไตรมาส 2/2564 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีตามเป้า สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลังยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรต่อเนื่อง โดยธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นที่จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อก้าวสู่การเป็น Regional Company ตามกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาค นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จำกัด (ShipSmile) โดยคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 อนุมัติให้ซื้อหุ้นเพิ่ม 8% มูลค่า 28.0 ล้านบาท หลังจากที่เข้าลงทุนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในสัดส่วน 30% เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจขนส่งพัสดุภายในประเทศ ซึ่งการล็อกดาวน์ในไตรมาส 3/2564 ทำให้ปริมาณขนส่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอีคอมเมิร์ซและขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มีการปรับตัวสูงขึ้นมาก นายทิพย์ กล่าวว่า การเข้าลงทุนใน ShipSmile ทำให้บริษัทฯ ได้ร่วมดำเนินธุรกิจกับบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY พันธมิตรซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อยอดพัฒนาโมเดลธุรกิจของ ShipSmile ให้มีความน่าสนใจและมีจุดแตกต่างในการแข่งขัน รวมถึงมีบริการการชำระเงินออนไลน์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้ปัจจุบัน ShipSmile มีจำนวนสาขา 2,400 สาขา และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3,000 สาขาในสิ้นปีนี้ โดยล่าสุด บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ใช้ ShipSmile เป็นจุดรับส่งสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ ShipSmile มีความแข็งแกร่งและมีทางเลือกในการให้บริการแก่ลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ จะใช้จุดแข็งของพันธมิตรอย่าง Makesend เข้าไปช่วยต่อยอดบริการด้านโลจิสติกส์แบบ Sameday Delivery ให้กับ ShipSmile ซึ่งเริ่มให้บริการพื้นที่ของกรุงเทพและปริมณฑล และจะขยายบริการขนส่งสินค้าแบบวันเดียวไปสู่เมืองหลักทั่วประเทศต่อไป สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 3/2564 ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจโลจิสติกส์ ท่ามกลางสภาวะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางปรับตัวขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงต้องมีการบริหารจัดการซัพพลายให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยได้เพิ่ม Service ใหม่ในเส้นทางที่เป็นประเทศเศรษฐกิจหลักในเอเชีย รวมทั้งการเพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามาตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2564 และในส่วนการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ยังให้บริการ Cargo Flight ร่วมกับสายการบินพันธมิตรต่อเนื่อง "บริษัทฯ มั่นใจว่าครึ่งปีหลังของปี 2564 จะยังรักษาความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่องจากทุกกลุ่มธุรกิจและยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ในทุกรูปแบบ จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะสามารถเติบโตได้เป็นสองเท่าของปี 2563" นายทิพย์กล่าว

Trans Talk 10 Minutes "A way to survive 10 นาทีชี้ทางรอด"

Transport Journalหนังสือพิมพ์ข่าวสด (วันที่ 5 สิงหาคม 2564) สัมภาษณ์พิเศษ : Trans Talk 10 Minutes "A way to survive 10 นาทีชี้ทางรอด" EP.1 ชี้ทางรอดธุรกิจโลจิสติกส์  

iii มองแนวโน้มขนส่งสินค้าระหว่างประเทศยังไปได้สวย ยืนยันขนส่งสินค้าต่อเนื่องไม่สะดุด

www.moneyandbanking.co.th (วันที่ 3 สิงหาคม 2564) https://www.moneyclub.asia/iii-%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2/

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ บริจาคเครื่องช่วยหายใจ High Flow Oxygen ให้กับ รพ.สิรินธร

คุณธนัท ตาตะยานนท์ กรรมการ บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนบริษัทฯ มอบเครื่องช่วยหายใจ High Flow Oxygen จำนวน 4 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ มูลค่ารวม 1,110,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสิรินธร สำนักการแพทย์ กทม. เพื่อสนับสนุนเครื่องมือสำคัญแก่บุคลากรทางการแพทย์ในการช่วยเหลือ ผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่อยู่ระหว่างการเข้ารักษาโรคไวรัสโควิด-19 โดยมี พญ.คัชรินทร์ เจียมศรีพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นผู้รับมอบ
 

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในพื้นที่สาธารณสุข อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโควิด-19 จอมบึง
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ส่งมอบชุด PPE หน้ากากอนามัย เฟสชีลด์ อุปกรณ์วัดออกซิเจนปลายนิ้ว ถุงมือยาง และสเปรย์แอลกอฮอล์ รวมมูลค่าหนึ่งแสนบาท เพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยแพทย์ในการออกตรวจและรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณสุขอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ บริจาคสิ่งของและเลี้ยงอาหารเด็กๆ บ้านคามิลเลียนลาดกระบัง

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมบริจาคอาหารเสริม แชมพูสบู่เด็ก หน้ากากอนามัย และน้ำดื่มให้กับน้องๆ ที่อยู่ในความดูแลสถานสงเคราะห์เด็กบ้านคามิลเลียนเพื่อเด็กพิการลาดกระบัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลน้องๆ ภายหลังจากเหตุที่มเด็กและเจ้าหน้าที่บางส่วนติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้ใกล้ชิดทั้งหมดจะต้องกักตัวที่สถานสงเคราะห์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสนับสนุนอาหารประจำวันจำนวนสามมื้อให้กับเด็กๆ และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์อีกด้วย
หมายเหตุ : ภาพกิจกรรมได้รับอนุญาตจากสถานสงเคราะห์เพื่อใช้ในการเผยแพร่แล้ว แต่ทางบริษัทฯ คำนึงถึงสิทธิเด็กจึงไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าของน้องๆ ได้

ร่วมฉลอง ชิปป์สไมล์ ครบ 2,222 สาขา

Hoonsmart.com (วันที่ 29 มิถุนายน 2564) ร่วมฉลอง ชิปป์สไมล์ ครบ 2,222 สาขา ก้าวสู่ Smart Express Shop เต็มรูปแบบ ผนึก 2 พันธมิตรหลัก สบาย เทคโนโลยี และ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์
SABUY ร่วมฉลอง ชิปป์สไมล์ ครบ 2,222 สาขา
 

III โชว์กำไรนิวไฮ Q1/64 ทะยาน 244% เตรียมปรับเป้าปีนี้โต 30%

"ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์" หรือ III โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 64 ทุบสถิติกำไรสูงสุด 77.50 ล้านบาท ทะยาน 244% จากงวดปีก่อน รายได้รวม 633.10 ล้านบาท ผลสำเร็จจากปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ พัฒนาธุรกิจใหม่รับกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ประเมินไตรมาส 2/64 โตต่อเนื่อง เตรียมปรับเป้าเติบโตปี 64 จากเดิม 15% เป็นโตไม่ต่ำกว่า 30% นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 77.5 ล้านบาท เติบโต 54.9 ล้านบาท หรือ 244%  จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเติบโต 60.4% จากไตรมาสก่อนหน้า แม้บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ แต่รายได้ยังเติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีรายได้รวม 633.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 22.3% จากจากไตรมาสก่อน โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้หลักๆ มาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งให้บริการขนส่งในรูปแบบ Cargo Flight ตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 4/2563 ได้รับผลตอบรับดีต่อเนื่อง และกลุ่มโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศและทางทะเลเพิ่มสูงขึ้น การให้บริการคลังสินค้าสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มบริหารจัดการโลจิสติกส์ยังสร้างรายได้เติบโตจากการมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซและธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศ “กลุ่มบริหารจัดการโลจิสติกส์ และกลุ่มโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์สามารถสร้างกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารลดลงจากการคุมค่าใช้จ่ายได้ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า  ในส่วนของกำไรขั้นต้นนั้น มีจำนวน 116.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 15.1% จากไตรมาสก่อน” นายทิพย์ กล่าว นอกจากนี้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าในไตรมาส 1/2564 จำนวน 53.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทฯ โดยกลุ่มบริษัท Around Logistics Management และ บริษัท DG Packaging Pte., Ltd. สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ต่อเนื่อง ขณะที่บริษัท เอ็กคู่ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซีเค ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในไตรมาสนี้ จากการที่ค่าระวางสินค้าทางทะเลได้ปรับตัวสูงขึ้น “จากการที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 โดดเด่น มาจากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ทั้งในส่วนของการบริหารธุรกิจปัจจุบันภายใต้วิกฤตและการพัฒนาธุรกิจใหม่  ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง เพื่อหารายได้ทดแทน การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเข้าลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและภูมิภาคเพื่อบริหารความเสี่ยง และการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์รูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ” นายทิพย์กล่าว นายทิพย์ ยังกล่าวถึงแนวโน้มในไตรมาส 2/2564 ว่า จะยังรักษาความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้ต่อเนื่องในปีนี้ จึงเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตในปี 2564 จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 15% เป็นไม่ต่ำกว่า 30% โดยรายได้จะมาจากทั้งกลุ่มธุรกิจหลักเดิม 4 กลุ่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยจากสถานการณ์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้อัตราค่าระวางสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ และการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนทางบก จะมีการปรับเพิ่มมากขึ้นเพื่อมาทดแทนการขนส่งสินค้าทางทะเล โดยคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี สำหรับแผนธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ในไตรมาส 2 นี้ เตรียมปรับเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน Cargo Flight อีก 20-30% ในเส้นทางที่มีศักยภาพ อาทิ จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ขณะที่ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล ได้เพิ่ม Service ใหม่อีก 2 Service โดยจะให้บริการครอบคลุมประเทศเกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง เวียดนาม และประเทศไทย ซึ่งเริ่มให้บริการแล้วในไตรมาส 2 นี้  ในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ ยังคงโฟกัสลูกค้าหลักในกลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ สุขภาพและความงาม และกลุ่มอีคอมเมิร์ซ ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่ม Food and Food Supplement ที่มีช่องทางการขายออนไลน์เพื่อรองรับการใช้ Fulfilment Station อย่างเต็มที่  นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมศึกษาการขยายพื้นที่การจัดเก็บแบบห้องควบคุมอุณหภูมิเพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าสุขภาพและความงามโดยเฉพาะ และสำหรับธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์สินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกำลังพิจารณาการเข้าเสนอโครงการและรองรับการเติบโตของการใช้พื้นที่คลังหลายโครงการในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป รวมทั้งบริษัทฯ กำลังพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอันตรายให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น และเตรียมเพิ่มช่องทางการขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ นอกจากรายได้ที่มาจากธุรกิจหลักทั้งสี่กลุ่มแล้วนั้น บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากการพัฒนาธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Business Development จะยังเติบโตได้ดี แม้ว่ามูลค่าการส่งออกไทยในไตรมาส 1/2564  ขยายตัวเพียง 2.27%   เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งในไตรมาส 2/2564 นี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้ผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนในบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จํากัด (Shipsmile) คิดเป็น 30% ของจํานวนหุ้นทั้งหมด

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จับมือพันธมิตร ตั้งบริษัทลุยขนส่งวัคซีนโควิด

เว็บไซต์ www.thairath.co.th (วันที่ 13 มกราคม 2564) ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/stocks-gold/2012124?fbclid=IwAR28gsBXmu-pGnnWBO1dN38xKT8PZdEwrCnVQ3FbO6JDwDHEiGQOx6_aATg

Triple i Logistics partners with global temperature control packaging firm Intelsius to deliver COVID-19 vaccines

Triple i Logistics Public Company Limited (III), a leading total logistics service provider in Thailand, is working with Intelsius, a global market leader in sample transport and temperature control packaging solutions, in its initiative to establish Cool Chain Logistics Pte., Ltd. (CCL) with the immediate mission to support the delivery of COVID-19 vaccines, test-kits and other materials, with a clear focus in the Asia-Pacific region. Mr. Tipp Dalal, CEO of Triple i Logistics, said “Based on the company’s business strategy for 2019-2021, ¬we will be expanding investment in our international logistics business (air, sea and land), especially in the transportation of critical life-saving materials such as medicines and vaccines.” The new company, Cool Chain Logistics recently reached a supply & services agreement with Intelsius for the provision and service support of its proprietary ORCA VIP High performance reusable packaging systems. This will help the rapid deployment and development of Cool Chain Logistics services to provide specialist logistical services for drugs and medical equipment related to the novel coronavirus 2019 (COVID-19). Mr. Tipp commented “This is a fantastic business opportunity for Triple i Logistics, with our focus on supporting the Covid-19 vaccination distribution efforts in Asia by offering our intra-Asia logistics services using validated cold chain systems with real time track and trace and online temperature monitoring.” Cool Chain Logistics Pte., Ltd. is headquartered in Singapore and will provide comprehensive logistics specific to the Life Science industry transporting shipments such as temperature sensitive biopharmaceuticals, biological substances, and medical devices under the cooperation of a network of international partners.

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ทุ่มเงินลงทุนจับมือพันธมิตรระดับโลก ตั้งบริษัท “Cool Chain Logistics” ลุยขนส่งวัคซีนสู้ COVID-19

“บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ลุยโปรเจกต์ใหม่ตามแผนยุทธศาสตร์บริษัท ผนึกพันธมิตร Intelsius ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์แบบควบคุมอุณหภูมิชั้นนำระดับโลก จัดตั้งบริษัท “Cool Chain Logistics” พุ่งเป้าธุรกิจขนส่งวัคซีนและชุดทดสอบ COVID-19 รองรับวิกฤตการแพร่ระบาดทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่ครอบคลุมธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก การบริหารจัดการโลจิสติกส์ รวมทั้งการให้บริการด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ เปิดเผยว่าตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท (ปี 2562-2564) จะมีการขยายการลงทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ ล่าสุดบริษัทได้จัดตั้งบริษัท Cool Chain Logistics Pte., Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่าง ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ กับพันธมิตรทางธุรกิจต่างชาติ เพื่อรองรับหน่วยธุรกิจใหม่ที่จะให้บริการขนส่งสินค้าประเภทยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งจากกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้เกิดโอกาสทางธุรกิจในด้านโลจิสติกส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งวัคซีน รวมถึงชุดทดสอบเชื้อ COVID-19 ที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่ง ทั้งนี้ บริษัท Cool Chain Logistics Pte., Ltd. จะมีทุนจดทะเบียน 400,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยบริษัท DG Packaging Pte., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 50 จะเป็นผู้ร่วมดำเนินการจัดตั้งบริษัท Cool Chain Logistics โดยใช้เงินลงทุนจำนวน 200,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถือหุ้นอัตราส่วนร้อยละ 50 ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อประกอบธุรกิจโลจิส ติกส์ครบวงจรเฉพาะด้านสำหรับอุตสาหกรรมยา และรองรับธุรกิจการขนส่งระหว่างประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มวิทยาศาสตร์ชีวภาพ อาทิ ยาหรือตัวอย่างชีวภาพที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ ตัวอย่างเชื้อโรค ชุดทดสอบเชื้อโรค เวชภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทยผ่านเครือข่ายธุรกิจในประเทศต่างๆ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Cool Chain Logistics ได้มีการบรรลุข้อตกลงกับ Intelsius ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ระบบ ORCA VIP ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับระบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นการยกระดับการให้บริการธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับยาและเวชภัณฑ์โดยเฉพาะ จึงสามารถตอบโจทย์การขนส่งวัคซีน COVID-19 ได้เป็นอย่างดี “การลงทุนในครั้งนี้เรามั่นใจว่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีในการขยายธุรกิจของบริษัท โดยจะมุ่งเน้นการขนส่งและกระจายวัคซีน COVID-19 ครอบคลุมทั่วทวีปเอเชียโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งจะอาศัยจุดแข็งทั้งระบบการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ บริการการตรวจสอบสถานะการจัดส่งสินค้าแบบ Realtime Track & Trace รวมไปถึงการควบคุมอุณภูมิระหว่างการขนส่งผ่านระบบออนไลน์” นายทิพย์กล่าวเพิ่มเติม

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ไตรมาส 3 กำไรโดดเด่น ฝ่าวิกฤติ COVID-19

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (จำกัด) มหาชน หรือ iii ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย สร้างกำไรไตรมาส 3/2563 เติบโตโดดเด่น 64% จากไตรมาสก่อนหน้า ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวและการแพร่ระบาดของ COVID-19 คาดการณ์ไตรมาส 4 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเพราะรับรู้ผลกระทบจากวิกฤติไปแล้วและเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 57 ล้านบาท เติบโต 64% จากไตรมาส 2/2563 และขยายตัว 33% จากไตรมาส 3/2562  เนื่องมาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าและกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน แม้ว่าบริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ “ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของบริษัทฯ เป็นผลมาจากความสามารถในการปรับกลยุทธ์บริหารวิกฤต ทั้งการหารายได้ทดแทนและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จากการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เป็นไปตามแผนการบริหารความเสี่ยง ยังคงสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี ทั้งจากผลการดำเนินงานโดยตรง ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า และการขายทรัพย์สินเงินลงทุนที่สามารถสร้างกำไรจากเงินลงทุนได้เพิ่มขึ้น” นายทิพย์กล่าว บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 3/2563 จำนวน 335.6 ล้านบาท ลดลง 49.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน   และลดลงเล็กน้อย 3.2% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มธุรกิจขนส่งทางอากาศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้สายการบินงดให้บริการเส้นทางบินต่างประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศของบริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานเป็นการดำเนินงานผ่านบริษัท เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าระหว่างบริษัทฯ กับบริษัท Teleport Everywhere Pte., Ltd. ในกลุ่มแอร์เอเชีย จึงทำให้บริษัทฯ ไม่ได้บันทึกรายได้ในส่วนของเทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จากการขายระวางขนส่งสินค้า แต่เป็นการรับรู้ผลประกอบการในลักษณะส่วนแบ่งกำไรแทน นายทิพย์กล่าวว่า จากผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2563 ที่ออกมา บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าได้รับรู้ผลกระทบต่างๆ จากวิกฤติในครั้งนี้ไปแล้ว ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จะทำให้ต้นทุนการทำงานลดลงและมีอัตรากำไรมากขึ้น จึงมั่นใจว่าในไตรมาสที่ 4/2563 ผลประกอบการของบริษัทฯ จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับจากแผนยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังคงพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ร่วมพันธมิตรเพื่อให้มีบริการที่หลากหลายและครอบคลุมตามแผนมากยิ่งขึ้น ประกอบกับไตรมาส 4/2563 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักที่บริษัทฯ ให้บริการอยู่ โดยบริษัทฯ ยังเน้นการเพิ่มรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าและบริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องภายในประเทศต่อเนื่องมาจากไตรมาส 3  จะเห็นได้จากปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการได้ลูกค้ารายใหม่ที่ใช้บริการด้านคลังสินค้า การกระจายสินค้าและ E-Fulfillment นายทิพย์  เผยถึงแผนการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 ว่า บริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการ Cargo Flight ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นมา โดยร่วมมือกับ เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) ปรับรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าในลักษณะของ Cargo Flight เพื่อกำหนดตารางบินขนส่งสินค้าทางอากาศทั้งขาออกและขาเข้าแบบเส้นทางประจำ โดยให้บริการผ่านสายการบินไทยแอร์เอเชีย 10 เส้นทาง ครอบคลุมเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจในเอเชียเป็นหลัก สำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะมีปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจากปลายไตรมาสที่ 3 โดยเฉพาะสินค้าประเภทผักและผลไม้สดบางประเภทที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เตรียมยกระดับการให้บริการด้าน Fulfillment หลังจากที่บริษัทฯ ได้ลูกค้ารายใหม่ที่เป็นลูกค้าหลักหลายราย โดยจะพัฒนา Centralized Fulfillment Station ด้วยการติดตั้ง Sorting Line เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงาน ทั้งยังสามารถลดต้นทุนในการทำงาน พร้อมรองรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานในเดือนพฤศจิกายน 2563 ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการหารายได้ใหม่และกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ยังคงพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ร่วมกับพันธมิตรเพื่อให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมตามแผนมากขึ้น เช่น การพัฒนาแพลทฟอร์มและการสร้างบริการ Fulfillment ครบวงจรสำหรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ การให้บริการขนส่งสินค้าทางบก การพัฒนาการให้บริการขนส่งทางรถไฟหรือทางราง โดยคาดว่าบางโครงการจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงปลายไตรมาส 4/2563 หรือต้นปี 2564 นอกจากนี้ยังมีแผนเข้าซื้อและควบรวมกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะหาข้อสรุปได้ในปลายปี 2563

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ โชว์กำไรสุทธิ 31.5 ล้านบาท

เว็บไซต์ www.thereporter.asia “ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” โชว์ผลงานดีสร้างกำไรสุทธิ 31.5 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 39.8% ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดในไตรมาส 2/2563 เปิดแผนครึ่งปีหลังคุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง โฟกัสขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศ เร่งพัฒนาแพลทฟอร์มรองรับอีคอมเมิร์ซ นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 31.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.0 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2563 เติบโตขึ้นร้อยละ 39.8 แม้ว่ามูลค่าการนำเข้าส่งออกของประเทศไทยในไตรมาสที่ผ่านมาจะลดลงถึงร้อยละ 20.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ การเติบโตของกำไรสุทธิดังกล่าวเป็นผลมาจากแผนการบริหารจัดการต้นทุน และผลประกอบการที่โดดเด่นของบริษัทร่วมและการร่วมค้า จากการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจในภูมิภาคเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยมีส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 78.8 ในส่วนของรายได้รวมในไตรมาส 2/2563 ของบริษัทฯ มีจำนวน 346.6 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าลดลงร้อยละ 15.0 และลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 51.3 ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยกเว้นกลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ยังสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศของบริษัทฯ ผ่านบริษัท เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรับรู้ผลประกอบการในลักษณะของส่วนแบ่งกำไรแทนการบันทึกรายได้จากการขายระวางขนส่งสินค้า” สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง ในส่วนของธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มนั้น กลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ คาดว่าจะยังไม่สามารถกลับมาให้บริการได้เต็มรูปแบบในเร็ววันนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนขาย มุ่งขยายธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอีคอมเมิร์ซ ซึ่งสอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงการแพร่ระบาดที่เริ่มคุ้นชินต่อการใช้แพลทฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ในการสั่งซื้อสินค้า ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโ ดยเฉพาะการขนส่งสินค้าภายในประเทศ ส่วนการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศที่มีบางสายการบินกลับมาบริการบางเส้นทาง ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการรับจัดการขนส่งสินค้าแบบ Wholesale จากการมีทางเลือกให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น และยังมีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปทานในตลาดยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบเช่าเหมาลำ โดยเลือกเส้นทางที่มีความต้องการสูงและสร้างกำไรได้ ทางด้านกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก เน้นการให้บริการขนส่งสินค้าทางบกและการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีผลตอบรับค่อนข้างดีจากที่เริ่มให้บริการในไตรมาสก่อน และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเนื่องจากการขนส่งสินค้าทางอากาศยังไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าทั่วไป จะมุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 หรือกระทบไม่มาก ได้แก่ ลูกค้ากลุ่มอาหาร ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งลูกค้ากลุ่มการก่อสร้างโครงการ สาธารณูปโภคพื้นฐาน และพลังงานไฟฟ้า จะเน้นการให้บริการผ่านการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ เช่น การนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ของโครงการต่างๆ ทางทะเลจากประเทศจีนผ่านไทยส่งต่อไปยังประเทศในกลุ่มอินโดจีนโดยใช้รถขนส่งสินค้าข้ามแดน เช่น ลาว กัมพูชา และในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ บริษัทฯ มีแผนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในไตรมาส 3/2563 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังขยายไลน์สินค้าด้วยการจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดและการใช้งานให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเพิ่มเติมจากบรรจุภัณฑ์ขนาดมาตรฐานที่เคยจำหน่าย ส่วนธุรกิจของบริษัท DGPS (Singapore) คาดว่ายังสามารถสร้างผลประกอบการได้ดีทั้งจากบริการเดิมและบริการใหม่ที่มีผลตอบรับดีอย่างบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อให้หน่วยงานและสำนักงานต่าง ๆ อีกทั้งการขนส่งสินค้าแอลกอฮอล์ น้ำยาทำความสะอาดที่มีอุปสงค์ในช่วงแพร่ระบาดยังคงมีการเติบโตได้ดี นอกจากการพัฒนาธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มแล้ว ในส่วนของกลุ่มธุรกิจ Business Development บริษัทฯ มีแผนขยายแหล่งรายได้ในธุรกิจแบบใหม่เพิ่มมากขึ้นภายใต้ 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การต่อยอดขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรร่วมค้า การขยายขอบเขตการให้บริการโลจิสติกส์ และการพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วย Digital Platform โดยบริษัทฯ จะโฟกัสธุรกิจการขนส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ภายในประเทศ รวมทั้งธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบ Charter Flight ในลักษณะ On Demand การศึกษาและพัฒนาบริการด้านการขนส่งทางบกในระบบอื่นๆ ที่บริษัทฯ ยังไม่เคยให้บริการมาก่อนเพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ อีกทั้งการพัฒนาแพลทฟอร์มสำหรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้าง E-Logistics Platform เพื่อต่อยอดให้ฐานลูกค้าปัจจุบันของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม B2B ให้มีศักยภาพและช่องทางในการขายในลักษณะ Online Marketplace เพิ่มขึ้น   https://www.thereporter.asia/th/2020/08/17/iii-5/

"ทริพเพิล ไอ" ฝ่าวิกฤต COVID-19 ได้ดีเกินคาด สร้างผลงานดีกว่าไตรมาสแรก 39.8%

"ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์" โชว์ผลงานดีสร้างกำไรสุทธิ 31.5 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 39.8% ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดในไตรมาส 2/2563 เปิดแผนครึ่งปีหลังคุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง โฟกัสขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศ เร่งพัฒนาแพลทฟอร์มรองรับอีคอมเมิร์ซ นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 31.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.0 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2563 เติบโตขึ้นร้อยละ 39.8 แม้ว่ามูลค่าการนำเข้าส่งออกของประเทศไทยในไตรมาสที่ผ่านมาจะลดลงถึงร้อยละ 20.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ การเติบโตของกำไรสุทธิดังกล่าวเป็นผลมาจากแผนการบริหารจัดการต้นทุน และผลประกอบการที่โดดเด่นของบริษัทร่วมและการร่วมค้า จากการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจในภูมิภาคเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยมีส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 78.8 ในส่วนของรายได้รวมในไตรมาส 2/2563 ของบริษัทฯ มีจำนวน 346.6 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าลดลงร้อยละ 15.0 และลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 51.3 ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยกเว้นกลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ยังสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศของบริษัทฯ ผ่านบริษัท เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรับรู้ผลประกอบการในลักษณะของส่วนแบ่งกำไรแทนการบันทึกรายได้จากการขายระวางขนส่งสินค้า” สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง ในส่วนของธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มนั้น กลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ คาดว่าจะยังไม่สามารถกลับมาให้บริการได้เต็มรูปแบบในเร็ววันนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนขาย มุ่งขยายธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอีคอมเมิร์ซ ซึ่งสอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงการแพร่ระบาดที่เริ่มคุ้นชินต่อการใช้แพลทฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ในการสั่งซื้อสินค้า ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการขนส่งสินค้าภายในประเทศ ส่วนการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศที่มีบางสายการบินกลับมาบริการบางเส้นทาง ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการรับจัดการขนส่งสินค้าแบบ Wholesale จากการมีทางเลือกให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น และยังมีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปทานในตลาดยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบเช่าเหมาลำ โดยเลือกเส้นทางที่มีความต้องการสูงและสร้างกำไรได้ ทางด้านกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก เน้นการให้บริการขนส่งสินค้าทางบกและการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีผลตอบรับค่อนข้างดีจากที่เริ่มให้บริการในไตรมาสก่อน และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเนื่องจากการขนส่งสินค้าทางอากาศยังไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าทั่วไป จะมุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 หรือกระทบไม่มาก ได้แก่ ลูกค้ากลุ่มอาหาร ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งลูกค้ากลุ่มการก่อสร้างโครงการ สาธารณูปโภคพื้นฐาน และพลังงานไฟฟ้า จะเน้นการให้บริการผ่านการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ เช่น การนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ของโครงการต่างๆ ทางทะเลจากประเทศจีนผ่านไทยส่งต่อไปยังประเทศในกลุ่มอินโดจีนโดยใช้รถขนส่งสินค้าข้ามแดน เช่น ลาว กัมพูชา และในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ บริษัทฯ มีแผนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในไตรมาส 3/2563 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังขยายไลน์สินค้าด้วยการจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดและการใช้งานให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเพิ่มเติมจากบรรจุภัณฑ์ขนาดมาตรฐานที่เคยจำหน่าย ส่วนธุรกิจของบริษัท DGPS (Singapore) คาดว่ายังสามารถสร้างผลประกอบการได้ดีทั้งจากบริการเดิมและบริการใหม่ที่มีผลตอบรับดีอย่างบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อให้หน่วยงานและสำนักงานต่าง ๆ อีกทั้งการขนส่งสินค้าแอลกอฮอล์ น้ำยาทำความสะอาดที่มีอุปสงค์ในช่วงแพร่ระบาดยังคงมีการเติบโตได้ดี นอกจากการพัฒนาธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มแล้ว ในส่วนของกลุ่มธุรกิจ Business Development บริษัทฯ มีแผนขยายแหล่งรายได้ในธุรกิจแบบใหม่เพิ่มมากขึ้นภายใต้ 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การต่อยอดขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรร่วมค้า การขยายขอบเขตการให้บริการโลจิสติกส์ และการพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วย Digital Platform โดยบริษัทฯ จะโฟกัสธุรกิจการขนส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ภายในประเทศ รวมทั้งธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบ Charter Flight ในลักษณะ On Demand การศึกษาและพัฒนาบริการด้านการขนส่งทางบกในระบบอื่นๆ ที่บริษัทฯ ยังไม่เคยให้บริการมาก่อนเพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ อีกทั้งการพัฒนาแพลทฟอร์มสำหรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้าง E-Logistics Platform เพื่อต่อยอดให้ฐานลูกค้าปัจจุบันของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม B2B ให้มีศักยภาพและช่องทางในการขายในลักษณะ Online Marketplace เพิ่มขึ้น  

"III ขายหุ้น SAL "ได้หรือเสีย"อย่างไร.?

สัมภาษณ์สด คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ในรายการข่าวหุ้นเจาะตลาด (วันที่ 16 กรกฎาคม 2563) FM 96.0 MHz. และ FB Live : ข่าวหุ้นเจาะตลาด โดย บูรพา สงวนวงศ์ / สุภชัย ปกป้อง และ ทีมงานข่าวหุ้นธุรกิจ

ทริพเพิล ไอ ปรับกลยุทธ์ฟื้นธุรกิจหลังพิษโควิด-19 ปูพรมรุกระบบขนส่งสินค้าภายในประเทศ เร่งพัฒนาอีโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมธุรกิจแกร่ง

ทริพเพิล ไอ ปรับกลยุทธ์ฟื้นธุรกิจหลังพิษโควิด-19 ปูพรมรุกระบบขนส่งสินค้าภายในประเทศ เร่งพัฒนาอีโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมธุรกิจแกร่ง ­­ นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งทางกลุ่มบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน จึงได้มีการวางแผนเพื่อปรับแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อฟื้นฟูรายได้บางส่วนของกลุ่มบริษัทที่สูญเสียไป โดยเฉพาะรายได้จากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะเป็นแผนการดำเนินงานปี 2563-2566 โดยจะมุ่งเน้นการขยายฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งมีทั้งการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ รวมทั้งการสร้างสรรค์โลจิสติกส์แพลตฟอร์มที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน และการต่อยอดธุรกิจเพื่อชดเชยรายได้ของกลุ่มบริษัทที่หายไป และยังเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคตอีกด้วย” โดยแผนการพัฒนาธุรกิจดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
  1. การขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทมุ่งเน้นการทำธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก แต่ภายหลังวิกฤตโรคระบาดเกิดการปิดประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค ทำให้แนวโน้มการขนส่งสินค้าภายในประเทศมีโอกาสเติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้ทำการพัฒนาการขนส่งภายในประเทศรูปแบบใหม่ๆ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้
  2. การขึ้นเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร และกลุ่มยารวมถึงเวชภัณฑ์ ทางกลุ่มบริษัทเชื่อมั่นว่าสินค้าทั้งสองกลุ่มนี้จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเห็นได้จากข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารในเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 อยู่ที่ 9,847 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มผักผลไม้สด แช่แข็ง และแปรรูป ทูน่ากระป๋อง ไก่แช่แข็งและแปรรูป ซึ่งสวนทางกับภาพรวมการส่งออกสินค้าของไทยในห้าเดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราลดลงจากปีก่อนร้อยละ 3.7 ในขณะที่ภาพรวมการนำเข้าสินค้าของไทยในเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 11.6 แต่สินค้ากลุ่มยาและเวชภัณฑ์ กลับมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,406 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
  3. การร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในการขยายฐานธุรกิจโลจิสติกส์ของกลุ่มบริษัทให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งพบว่าหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีผลต่อการใช้บริการด้านโลจิสติกส์ ส่งผลให้การสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทางกลุ่มบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดดังกล่าว ภายหลังจากการเข้าลงทุนในบริษัท แกแล็คซี่ เวนเจอร์ส จํากัด (GV) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้เริ่มพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มหรืออีโลจิสติกส์สำหรับลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทร่วมทุนอย่าง GV ที่มีบริษัทย่อย เช่น X Commerce ที่มีความชำนาญในการสร้างแพลทฟอร์มสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และ Sokochan ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์สำหรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ โดยจัดทำ Fulfillment Center สำหรับกลุ่มสินค้าที่เป็นอาหารสดที่ใช้ช่องทางการค้าในลักษณะออนไลน์ อีกทั้งยังมีการวางแผนพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อต่อยอดกับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ในส่วนของการให้บริการในภาคพื้นอากาศยาน ทางกลุ่มบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีและมีประสบการณ์ในการให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจการบินมายาวนาน ได้ให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน ) ได้มีมติให้บริษัทขายหุ้นบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 33.20 ให้กับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) และภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว จะทำให้กลุ่มบริษัทยังคงถือหุ้นในบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 25 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญอยู่ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเล็งเห็นว่าการร่วมมือกับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้จะทำให้เกิดการประสานศักยภาพความชำนาญด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของทางกลุ่มบริษัทและความเชี่ยวชาญด้านไอที ของบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมกันต่อยอดขยายศักยภาพการให้บริการของทั้งบริษัทเอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง AOT และบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในการดำเนินธุรกิจการให้บริการภาคพื้นอากาศยานและผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT ให้ครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบัน AOTGA ได้ให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และเตรียมขยายการให้บริการในท่าอากาศยานระหว่างประเทศอื่นๆ ต่อไป  

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (iii) ปิดงบไตรมาส 1/2563 ยังคงทำกำไรท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ปรับกลยุทธ์หันมาขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำทดแทนสายการบินหยุดให้บริการ เร่งพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศเตรียมสร้างแพลทฟอร์มใหม่ พร้อมลุยเต็มสูบหลังโรคระบาดคลี่คลาย

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ว่า “แม้ว่าภาพรวมรายได้ของบริษัทจะปรับตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2563 จำนวน 22.5 ล้านบาท ลดลง 20.3 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 47.4 จากไตรมาส 1/2562 ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทั้งสภาพเศรษฐกิจและวิกฤติ COVID-19 นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2563 บริษัทยังได้รับผลกระทบจากการบันทึกตามมาตรฐานบัญชีใหม่ อีกทั้งธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศของบริษัท ได้เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานเป็นการดำเนินงานผ่านทางบริษัท เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทการร่วมค้าระหว่างบริษัท กับบริษัท Teleport Everywhere Pte., Ltd. ในกลุ่ม AirAsia จึงทำให้บริษัทไม่ได้มีการบันทึกรายได้ในส่วนของเทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จากการขายระวางขนส่งสินค้า แต่เป็นการรับรู้ผลประกอบการในลักษณะของส่วนแบ่งกำไรแทน ซึ่งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าในไตรมาส 1/2563 จำนวน 23.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 46.5 ตอบรับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาค แม้ว่าธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศบางส่วนเริ่มได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในขณะที่ธุรกิจของ DG Packaging Pte., Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ กลับมีปริมาณการขายบรรจุภัณฑ์และการขนส่งสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันเชื้อโรค และยังสามารถเพิ่มรายได้จากการให้บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในสำนักงานให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสร้างผลประกอบการเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าไตรมาสที่ 2/2563 ธุรกิจจะยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และจากแนวโน้มปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทางบริษัทจึงมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจในเชิงรับมาตั้งแต่ในไตรมาสแรกของปี ได้แก่ การบริหารจัดการต้นทุนซึ่งจะส่งผลอย่างชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 2/2563 รวมถึงการหันมาให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศในรูปแบบการเช่าเหมาลำ (Chartered Flight) และการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศมากขึ้นเพื่อทดแทนการหยุดให้บริการของสายการบินต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งพัฒนาแผนธุรกิจเชิงรุกด้านการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ในอนาคต และยังมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโมเดลและแพลทฟอร์มการให้บริการด้านโลจิสติกส์ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นภายหลังวิกฤตโรคระบาด ซึ่งการปรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น ครอบคลุมทั้งกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม และกลุ่มธุรกิจ Business Development” ในส่วนของกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ บริษัทฯ และ บจก. เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) ได้มีการปรับรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศมาเป็นบริการเช่าเหมาลำโดยเฉพาะ โดยเลือกเส้นทางที่ยังทำกำไรได้ โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำไปยังหลายประเทศในแถบเอเชีย กลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก ภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายการเดินเรือ Rizhao Port Shipping Line ที่บริษัทเป็นตัวแทนได้หยุดให้บริการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทจึงเพิ่มสัดส่วนการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนทางบกมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาขนส่งสินค้าทางบกในรูปแบบอื่นอีกด้วย สำหรับกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์และกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ได้มีการบริหารจัดการด้านต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่ายคงที่ และบริหารจัดการต้นทุนขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยบริษัทเริ่มมีการพัฒนาโครงการขนส่งสินค้าแบบ Multimodal เช่น การขนส่งสินค้าทางทะเลจากประเทศจีนผ่านประเทศไทยเพื่อส่งต่อสินค้าไปยังประเทศลาวโดยการใช้รถขนส่งสินค้าข้ามแดน รวมทั้งมีการขยายฐานลูกค้าที่เป็น B2B มากขึ้นเพื่อชดเชยลูกค้ากลุ่ม Retail ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดห้างร้าน Modern Trade ต่าง ๆ นอกจากการพัฒนาธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มแล้วนั้น บริษัทยังมีแผนการพัฒนาธุรกิจใหม่ในกลุ่มธุรกิจ Business Development ที่มุ่งเน้นการขยายแหล่งรายได้จากธุรกิจรูปแบบใหม่มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการปิดประเทศทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค ทำให้การค้าระหว่างประเทศภายในภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทางบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในภูมิภาคและภายในประเทศมากยิ่งขึ้น ภายใต้ 3 แนวทางหลัก ดังนี้ 1. การต่อยอดขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรร่วมค้า : ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ บริษัทรวมกับ เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) เตรียมปรับรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าเป็นการขนส่งสินค้าแบบ Cargo Flight โดยจะกำหนดตารางการบินในการขนส่งสินค้าทางอากาศให้มีความสม่ำเสมอและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนการหยุดให้บริการของสายการบินทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับภูมิภาคที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเตรียมให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบด่วนพิเศษภายในภูมิภาคสำหรับกลุ่มลูกค้า B2B และยังพัฒนาการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศแบบด่วนพิเศษอีกด้วย 2. การขยายขอบเขตการให้บริการโลจิสติกส์ : บริษัทจะขยายธุรกิจในภาคพื้นอากาศยานภายในประเทศและผู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และเตรียมขยายการให้บริการในท่าอากาศยานระหว่างประเทศอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ช่วงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยคาดว่าจะเป็นช่วงที่มีปริมาณการใช้บริการภาคพื้นอากาศยานและผู้โดยสารจะกลับมาเป็นปกติภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย บริษัทยังเตรียมพร้อมในการให้บริการศูนย์ขนส่งสินค้า Express Center ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งคาดว่าเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4 เช่นกัน ปัจจุบัน บริษัทกำลังศึกษาแผนการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาบริการด้านโลจิสติกส์ในลักษณะ Project Cargo Handling & Cross Border รวมทั้งการให้บริการด้านการขนส่งทางบกในระบบราง เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 3. การพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วย Digital Platform : บริษัทเตรียมจัดทำ Fulfillment Center สำหรับกลุ่มสินค้าที่เป็นอาหารสดที่ใช้ช่องทางการค้าในลักษณะ Online โดยอาศัยจุดแข็งของพันธมิตรที่มีความชำนาญในการสร้างแพลทฟอร์มสำหรับธุรกิจ E-Commerce และ E-Logistics อีกทั้งยังมีการร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนา E-Commerce Platform ต่อยอดกับธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการปรับแผนการดำเนินธุรกิจทั้งในเชิงรุกและเชิงรับดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังมีปัจจัยลบจากภายนอก

III ประเมินQ2/63 ยังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ระบุปรับกลยุทธ์หันขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำทดแทนสายการบินหยุดให้บริการ

hooninside.com (วันที่ 13 พฤษภาคม 2563)     ที่มา : https://www.hooninside.com/news-feed/163831/view/

ทริพเพิล ไอ รวมทุกแรงใจ ต้านภัยโคโรนา

แม้ว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทิพย์ ดาลาล CEO หนุ่มใหญ่ใจดีแห่ง บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ขอมีส่วนร่วมให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ เตรียมจัดส่งหน้ากากและผ้ากันเปื้อนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โดยจะส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม 3 แห่ง ได้แก่ รพ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ รพ.สิรินธร จ.ขอนแก่น รพ.กัลยาณิวัฒนาการุณย์ จ.นราธิวาส รวมทั้ง รพ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และ รพ.ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์และยังขอเชิญชวนลูกค้าและประชาชนร่วมเขียนข้อความให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ผ่านเฟสบุคแฟนเพจ www.facebook.com/iiilogistics/ ได้ตลอดเดือนเมษายน และจะรวบรวมข้อความส่งต่อแรงใจไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ต่อไป

ทริพเพิล ไอ ส่งมอบความสุขในคอนเซปต์ Eco To Go

“ทิพย์ ดาลาล” ซีอีโอไฟแรงแห่ง บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ยังคงคอนเซ็ปท์รักษ์โลกอย่างต่อเนื่องสั่งทำเซ็ตของขวัญสวัสดีปีใหม่เตรียมแจกลูกค้าและพันธมิตรของทริพเพิล ไอแบบจัดเต็ม โดยปีนี้มาในธีม Triple i Eco-to-go รณรงค์การนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติก มีทั้งถุงผ้า shopping bag เซ็ตหลอดสเตนเลส และแก้วน้ำที่ผลิตจากฟางข้าวสาลีซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อเซฟโลกเราอย่างนี้ กดไลค์ให้เลยค่ะ!

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ผุดโครงการ “Recovering Ubon” ฟื้นฟูฟื้นใจคนไทยหลังน้ำลด

แม้ว่าเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคอีสานจะคลี่คลายลงแล้ว การใช้ชีวิตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลังน้ำท่วมยังคงต้องการการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องอาศัยทั้งเวลาและงบประมาณเป็นจำนวนมาก บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย จึงจัดโครงการ “Recovering Ubon” เพื่อช่วยฟื้นฟูหลังน้ำลดให้กับผู้ประสบภัยและสถาบันการศึกษาหลายแห่งในจังหวัดอุบลราชธานี โครงการ “Recovering Ubon” เกิดขึ้นโดยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ด้วยความร่วมแรงร่วมใจทั้งจากทีมผู้บริหารและพนักงานของ บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ และบริษัทในเครือ ร่วมกับ บจก. เอ็กคู่ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) และยังได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยกันบริจาคทั้งเงินและสิ่งของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสายการบินไทยแอร์เอเชียที่ช่วยลำเลียงสิ่งของบริจาคจากกรุงเทพฯ ไปยังอุบลราชธานี องค์การเภสัชร่วมบริจาคชุดยาตำราหลวงจำนวน นอกจากนี้ออฟฟิศเมทและกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจยังช่วยบริจาคเครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งต่อไปยังโรงเรียนต่างๆ อีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สำหรับการช่วยเหลือภาคประชาชนผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ เราได้บริจาคเงินสดจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงจำนวน 10 เครื่องเพื่อใช้ในการทำความสะอาดพื้นที่หลังน้ำลด ชุดยาตำราหลวงจำนวน 300 ชุด กล่องเอนกประสงค์สำหรับเก็บสิ่งของที่ได้รับบริจาค และยังมีข้าวสารจำนวน 3 ตันเพื่อเป็นข้าวสารกองกลางประจำหมู่บ้านเพื่อจัดสรรให้กับครัวเรือนต่างๆ ที่ที่นาได้รับความเสียหายและขาดแคลนข้าวสารในการบริโภค อีกทั้งยังได้ส่งต่อชุดยาตำราหลวงจำนวน 100 ชุดให้กับมูลนิธิประชาสังคมเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในการลงพื้นที่ต่อไป ในส่วนของสถาบันการศึกษา บริษัทฯ ได้ประสานงานกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 3 จำนวน 14 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4 แห่ง ในพื้นที่อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอโขงเจียม อำเภอตาลสุม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอสิรินธร โดยให้ความช่วยเหลือเป็นชุดเครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์ศิลปะ ยาห้องพยาบาลสำหรับเด็กเล็กและเด็กโต และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม อาทิ พริ้นเตอร์ โต๊ะญี่ปุ่น ชั้นวางรองเท้า ชั้นเก็บของ ช้อนส้อมเด็ก ชุดซิงค์ล้างจาน หนังสือแบบเรียน หนังสือนิทาน สมุดระบายสี ที่นอนเด็กเล็ก ของเล่นเสริมพัฒนาการ เราหวังว่าความช่วยเหลือที่มาจากความตั้งใจของหลายๆ ฝ่ายในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ช่วยบรรเทาทุกข์และส่งกำลังใจให้คนไทยผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากไปได้ เพราะทริพเพิล ไอเราเชื่อมาโดยตลอดว่าการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการมีจิตสำนึกสร้างสรรค์สิ่งดีๆ คืนให้กับสังคม จะเป็นแนวทางแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนที่แท้จริง  

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” อวดกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกโต 26.7% เดินหน้าเจรจาพันธมิตรเสริมความแข็งแกร่ง มั่นใจปีนี้เติบโตตามเป้า

“บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ใส่เกียร์เดินหน้าเจรจาพันธมิตรช่วยเสริมความแข็งแกร่ง มุ่งขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค ด้านผู้บริหาร “ทิพย์ ดาลาล” โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่ 136.1 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.7% พร้อมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เข้าร่วมลงทุนมั่นใจปี 62 โชว์ผลงานโตตามเป้า 20% นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศทางทะเล และทางบก การบริหารจัดการโลจิสติกส์ รวมทั้งการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 669.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.8 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนยังสามารถประคองตัวได้ดีท่ามกลางปัจจัยลบทางเศรษฐกิจภายนอกประเทศที่มีการหดตัวทั่วโลก ในขณะเดียวกันผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,063.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 136.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 26.7% เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เข้าร่วมลงทุน โดยเฉพาะบริษัท DG Packaging Pte., Ltd. ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเข้าซื้อกิจการไปเมื่อ 2 กรกฎาคม 2561 และบริษัท Around Logistics Management ประเทศฮ่องกง ที่เข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา “ปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมการส่งออกและนำเข้าของประเทศ กลุ่มบริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นจากการที่กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้บางส่วนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ด้วยบริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์สำหรับดำเนินธุรกิจ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ จะทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 3 ประคับประคองมาได้และคาดว่าสิ้นปีจะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ว่าโตปีละ 20%” นายทิพย์เผย ทั้งนี้ในไตรมาส 3-4 ของทุกปี จะมีปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก แต่ในไตรมาสที่ 3/2562 ที่ผ่านมาพบว่าปริมาณการขนส่งสินค้าไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอก เช่น การแข็งค่าของเงินบาท ปริมาณการส่งออกสินค้าของไทยและของภูมิภาคที่หดตัวลง ส่งผลให้ทั้งปริมาณความต้องการการขนส่งสินค้าและอัตราค่าระวางมีการปรับตัวลดลง ในไตรมาสที่ 4/2562 ภาพรวมปริมาณการขนส่งสินค้าคาดว่าจะใกล้เคียงหรือปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2562 เล็กน้อย ในส่วนของการเจรจากับพันธมิตรอย่าง Teleport Everywhere Pte., Ltd. เรื่องการร่วมทุนนั้นเป็นไปด้วยดีตามบันทึกข้อตกลง โดยคาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จและลงนามเซ็นสัญญาการร่วมทุนภายในสิ้นปีนี้ และพร้อมดำเนินธุรกิจร่วมกันในต้นปี 2563 และยังมีการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด อีกด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกลยุทธ์การลงทุนขยายกิจการไปยังต่างประเทศจากบริษัทในเครือและบริษัทที่เราได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงทำให้บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะยังเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้

ทริพเพิล ไอ เชิญชวนร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลฯ

มีโปรเจ็กท์ดีๆ มาบอกจ้า “ทิพย์ ดาลาล” ซีอีโอใจดีแห่ง บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด #recoveringubon ช่วยเหลือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และร.ร.ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จ.อุบลราชธานี รวม 18 แห่ง โดยท่านสามารถบริจาคเงินได้ที่บัญชีกระแสรายวัน ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 066-1-07522-8 ชื่อบัญชี “ทริพเพิล ไอ เพื่อผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี” ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 ต.ค. 62 และยังเปิดรับบริจาคเครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน ฝากทีมงานไปได้แต่ต้องส่งด่วนนิดหนึ่งนะจ๊ะพี่จ๋า สอบถามเพิ่มเติมโทร 0-2681-8700 #103

Money Shot : III มั่นใจครึ่งหลังปี 62 เติบโต หลังร่วมทุน Teleport จัดตั้ง "เทเลพอร์ต ไทยแลนด์"

รายการ Money Shot (วันที่  2 กันยายน 2562) https://www.yutcareyou.com/index.php?option=com_k2&view=item&id=22836%3A02-09-62-2&Itemid=311&fbclid=IwAR0dC5WgmQ2-B9HHVmkhy6pUorZKGEtT5xu1rh3GxQQBXBJsB9sqQRGyidE  

"ทริพเพิล ไอ" สยายปีกธุรกิจขนส่งสินค้า คุมคาร์โก้สายการบิน "กลุ่มแอร์เอเชีย" เบ็ดเสร็จ

www.komchadluek.net (วันที่  14 สิงหาคม 2562) https://www.komchadluek.net/news/economic/383509?fbclid=IwAR1xF4T4TeXRy5JSZslAn8XMPPr3rYF1QSzzz33xDLS5Zj5m87Tbt04aPJw#.XVMdsWlcVFc.lineme

Triple i Logistics reports outstanding performance in Q1/2019 with net profit up 65.5 % in line with business expansion strategy via acquisition and joint venture

Triple i Logistics achieves outstanding performance in Q1/2019 with Bt42.9 million net profit, up 65.5 percent from Bt25.9 million registered in the same period last year, thanks to the company’s business expansion strategy via acquisition and joint venture. CEO Tipp Dalal anticipates bright prospect in Q2/2019 after the end of low season of export and import business, maintaining that Triple i Logistics will see 20 percent increase of revenue this year. Mr. Tipp Dalal, Chief Executive Officer of Triple i Logistics Public Company Limited (iii), disclosed that the company recorded the total revenue of Bt682.6 million in the first quarter of 2019, up 13.2 percent from Bt603.0 million registered in the corresponding period last year. The net profit topped Bt42.9 million, surging 65.5 percent from Bt25.9 million in the first quarter of 2018, due to the growth of the company’s core business and its success in business expansion via acquisition and joint venture. In the first quarter of 2019, the company’s air transport business generated Bt547.0 million of revenue, up 12.3 percent year-on-year due to larger volume of services mainly because the company has served as General Sales Agent (GSA) for airlines. Triple i Logistics has steadily increased the service routes since the middle of 2018. Additionally, the company begins to realize profits from an investment in Around Logistics Management Co., Ltd. of Hong Kong in March, and expects to fully realize profits in the second quarter of this year. Meanwhile, the company’s sea and land transport business has enjoyed a rise of freight services when compared to the same period last year. Moreover, Triple i Logistics has received the profit sharing from its investment in CK Line (Thailand) Co., Ltd. and ECU Worldwide (Thailand) Co., Ltd. In the second quarter of 2019, the demand for sea freights from Rizhao Shipping Lines is expected to increase after Port Authority of Thailand signed a Sister Port Agreement with Port of Rizhao, People’s Republic of China, presenting a golden opportunity for cooperation in international trade and cargo service. The company’s logistics management business in the first quarter of 2019 generated the revenue of Bt48.3 million, rising by 39.2 percent compared to the corresponding period last year, due to an increase of key accounts. Hence, international air and sea transport, related logistics, cargo transport and delivery services to cater to e-commerce business, have increased. Mr. Tipp added that in the first quarter of 2019, the company’s logistics service in handling hazardous chemicals and dangerous goods recorded the sales of Bt133.4 million, increasing from the previous quarter due to a rise of overall logistics services for chemical industries and an improved business sentiment for hazardous chemical handling services and sales of dangerous goods packaging. Moreover, the company has gained the profits from its investment in acquiring DG Packaging Singapore Pte., Ltd. (DGPS) in April this year. DGPS has begun offering new services namely DG Acceptance Progress to inspect and accept dangerous goods at the international airport in Singapore. In the second quarter of 2019, the company expects the sentiment for air and sea cargo business as well as related logistics service to improve. In particular, the volume of freight transport service will significantly increase from the middle to the end of the second quarter of 2019 because it is the beginning of the high season of export and import business. “On the business outlook this year, Triple i Logistics will continue expanding our core business and monitoring the operating results of companies that Triple i Logistics has acquired and formed business alliance with. We expect sales of the company to increase 20 percent from Bt2,829.06 million recorded last year,” Mr. Tipp concluded.

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ผลงานไตรมาส 1/62 โตโดดเด่น กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 65.5% ตามยุทธ์ศาสตร์การขยายธุรกิจทั้งการเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” เผยไตรมาส 1/62 ทำผลงานเติบโตโดดเด่นมีกำไรสุทธิ 42.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 25.9 ล้านบาท ตามยุทธ์ศาสตร์การขยายธุรกิจทั้งการเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน ด้านผู้บริหาร “ทิพย์ ดาลาล” ประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/62 สดใส หลังผ่านช่วง Low Season ของธุรกิจส่งออกและนำเข้า ยืนเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 682.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 603.0 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวทำได้ 42.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% จากไตรมาส 1/2561 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นจากทั้งในกลุ่มธุรกิจหลักในปัจจุบันของบริษัท และความสำเร็จจากยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุน โดยไตรมาส 1/2562 กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ มีรายได้เท่ากับ 547.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.3% จากปริมาณการให้บริการที่เพิ่มมากขึ้น โดยหลักมาจากธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ (GSA) ที่ทางบริษัทมีเส้นทางการให้บริการเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2561 เป็นต้นมา นอกจากนั้น บริษัทยังเริ่มรับรู้ผลกำไรจากเงินลงทุนในการเข้าซื้อบริษัท Around Logistics Management Co., Ltd. ประเทศฮ่องกง ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาอีกด้วย โดยในไตรมาส 2/2562 จะรับรู้ผลกำไรได้เต็มไตรมาส ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก ในไตรมาส 1/2562 มีปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น จากบริษัท ซีเค ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็กคู่ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย คาดว่าในไตรมาส 2/2562 ปริมาณการขนส่งสินค้าของสายการเดินเรือรื่อจ้าวจะมีการเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้การที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย และท่าเรือรื่อจ้าว สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการลงนามในข้อตกลงท่าเรือพี่น้อง (Sister Port Agreement) ซึ่งนับเป็นการโอกาสที่ดีในการร่วมมือกันส่งเสริมการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ส่วนกลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์มีรายได้ไตรมาส 1/2562 จำนวน 48.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจาก Key Account ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้บริการทั้งในส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศและทางทะเล และการให้บริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการให้บริการจัดส่งสินค้าให้กับกลุ่ม E-Commerce ปรับเพิ่มขึ้น นายทิพย์ กล่าวต่อว่า กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ในไตรมาส 1/2562 มีรายได้ 133.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการให้บริการโดยรวมของกลุ่มธุรกิจโลจิกติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น รวมกับในส่วนของธุรกิจการให้บริการและขายบรรจุภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ปรับตัวดีขึ้น และการได้รับผลกำไรเต็มไตรมาสจากเงินลงทุนในการเข้าซื้อกิจการบริษัท DG Packaging Singapore Pte., Ltd. (DGPS) โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง DGPS ได้เริ่มให้บริการใหม่ ได้แก่ DG Acceptant Process ซึ่งเป็นกระบวนการตรวจรับสินค้าอันตราย ณ ท่าอากาศยานสิงคโปร์อีกด้วย ซึ่งในไตรมาส 2/2562 คาดว่าปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศและทางทะเล รวมถึงบริการด้านโลจิสติกส์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องจะสามารถเห็นแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยปริมาณการขนส่งสินค้าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่กลางถึงปลายไตรมาส 2/2562 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของการส่งออกและนำเข้า “สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะยังมุ่งเน้นการขยายธุรกิจทั้งในกลุ่มธุรกิจหลักในปัจจุบันของบริษัท รวมทั้งการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ ที่ทางบริษัทได้เข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุน โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะขยายตัว 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 2,829.06 ล้านบาท” นายทิพย์กล่าวสรุป  

III วางเป้า 3 ปี(62-64) รายได้โตปีละ 20% เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce ซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก

หุ้นอินไซด์ (19 มีนาคม 2562)   III วางเป้า 3 ปี(62-64) รายได้โตปีละ 20% เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce –ซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก   สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 มีนาคม 2562)---------“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” โชว์ผลงานปี 61 โดดเด่นทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไร รับอานิสงส์ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรสดใส ส่วนปี 62 หัวเรือใหญ่ “ทิพย์ ดาลาล” วางเป้า 3 ปีเติบโตปีละ 20% เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce –ซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เสริมความแข็งแกร่งต่อยอดธุรกิจ ด้านบอร์ดไฟเขียวปันผลงวดปี 61 หุ้นละ 0.17 บาท กำหนดรับเงินวันที่ 22 พ.ค.62 นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศทางทะเลและทางบกการบริหารจัดการโลจิสติกส์ รวมทั้งการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี เปิดเผยว่าในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,770.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 2,294.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 150.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 129.6 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดโดดเด่นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ   เนื่องจากการให้บริการของทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจขนส่งทางอากาศ 2.ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 3.ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ และ 4.ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ มีอัตราการเติบโตกว่า 20.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจบริหารคลังสินค้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา มีปริมาณสินค้าที่ให้บริการผ่านคลังสินค้าราว 90,000 ตัน ซึ่งสูงกว่าประมาณการไว้ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังได้ขยายการขนส่งสินค้าทางทะเล โดยร่วมมือกับพันธมิตรสานการเดินเรือริเซาของประเทศจีนไปยังเส้นทางการขนส่งหลักของภูมิภาค ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศเวียดนามและประเทศไทย เริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2561   นายทิพย์ กล่าวต่อไปว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 - 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน โดยมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจประกอบด้วย การขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce ระหว่างประเทศโดยเฉพาะจากจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวของโลก โดยอาศัยจุดแข็งจากการที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนของสายการบิน รวมทั้งการเป็นพันธมิตรกับสายการบินต่างๆ ที่มีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจในส่วนของการเป็นตัวแทนสายการบินในระดับภูมิภาคในลักษณะการเข้าซื้อกิจการ ที่เป็นการเติบโตแบบ Inorganic โดยการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท อราวน์ โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (ฮ่องกง) เพื่อขยายเครือข่ายการเป็นตัวแทนสายการบินทั้งในเอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ ครอบคลุมเส้นทางให้บริการ 24 ประเทศ มากกว่า 22 สายการบิน   ส่วนธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งสินค้าในระบบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งที่เป็นการเติบโตตามพันธมิตรของสายการเดินเรือ และการขยายตัวของเศรษฐกิจในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (EEC)   ในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ในปัจจุบันบริษัทฯ ให้บริการคลังสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ บนพื้นที่ 21,500 ตารางเมตร โดยมีอัตราการใช้พื้นที่ร้อยละ 90 จึงต้องมีแผนขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่เดิม บางนา กม.39 และการศึกษาการสร้างคลังสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์โดยเฉพาะ จะเน้นพื้นที่การให้บริการที่มีศักยภาพ เช่น เขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกและหลังจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. ที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้นำในการให้บริการและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์ทางอากาศ บริษัทฯ คาดว่าปีนี้ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มตลาดสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ทั่วโลกยังมีการเติบโตที่ดีโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย อนึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2561 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 3 พ.ค. 2562 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 2 พ.ค. 2562 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พ.ค.2562   From : https://www.hooninside.com/news-feed/96268/view/?fbclid=IwAR1D7FOd1-DCXT9-iIoZpDa3cXFU7sag8sYQv8EJpQR4VBOsgj1NVGKbllw  

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” โชว์ผลงานปี 61 โดดเด่น ทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไร ตั้งเป้า 3 ปี โตปีละ 20%

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” โชว์ผลงานปี 61 โดดเด่นทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไร รับอานิสงส์ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรสดใส ส่วนปี 62 หัวเรือใหญ่ “ทิพย์ ดาลาล” วางเป้า 3 ปีเติบโตปีละ 20% เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce –ซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เสริมความแข็งแกร่งต่อยอดธุรกิจ ด้านบอร์ดไฟเขียวปันผลงวดปี 61 หุ้นละ 0.17 บาท กำหนดรับเงินวันที่ 22 พ.ค.62 นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศทางทะเลและทางบกการบริหารจัดการโลจิสติกส์ รวมทั้งการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี เปิดเผยว่าในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,770.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 2,294.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 150.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 129.6 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดโดดเด่นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากการให้บริการของทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจขนส่งทางอากาศ 2.ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 3.ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ และ 4.ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ มีอัตราการเติบโตกว่า 20.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจบริหารคลังสินค้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา มีปริมาณสินค้าที่ให้บริการผ่านคลังสินค้าราว 90,000 ตัน ซึ่งสูงกว่าประมาณการไว้ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังได้ขยายการขนส่งสินค้าทางทะเล โดยร่วมมือกับพันธมิตรสานการเดินเรือริเซาของประเทศจีนไปยังเส้นทางการขนส่งหลักของภูมิภาค ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศเวียดนามและประเทศไทย เริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2561 นายทิพย์ กล่าวต่อไปว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 - 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน โดยมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจประกอบด้วย การขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce ระหว่างประเทศโดยเฉพาะจากจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวของโลก โดยอาศัยจุดแข็งจากการที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนของสายการบิน รวมทั้งการเป็นพันธมิตรกับสายการบินต่างๆ ที่มีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจในส่วนของการเป็นตัวแทนสายการบินในระดับภูมิภาคในลักษณะการเข้าซื้อกิจการ ที่เป็นการเติบโตแบบ Inorganic โดยการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท อราวน์ โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (ฮ่องกง) เพื่อขยายเครือข่ายการเป็นตัวแทนสายการบินทั้งในเอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ ครอบคลุมเส้นทางให้บริการ 24 ประเทศ มากกว่า 22 สายการบิน ส่วนธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งสินค้าในระบบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งที่เป็นการเติบโตตามพันธมิตรของสายการเดินเรือ และการขยายตัวของเศรษฐกิจในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ในปัจจุบันบริษัทฯ ให้บริการคลังสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ บนพื้นที่ 21,500 ตารางเมตร โดยมีอัตราการใช้พื้นที่ร้อยละ 90 จึงต้องมีแผนขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่เดิม บางนา กม.39 และการศึกษาการสร้างคลังสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์โดยเฉพาะ จะเน้นพื้นที่การให้บริการที่มีศักยภาพ เช่น เขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกและหลังจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. ที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้นำในการให้บริการและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์ทางอากาศ บริษัทฯ คาดว่าปีนี้ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มตลาดสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ทั่วโลกยังมีการเติบโตที่ดีโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย อนึ่ง คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2561 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 3 พ.ค. 2562 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 2 พ.ค. 2562 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พ.ค.2562

Listed Company News

 www.facebook.com/infoquest/ (March 13, 2019)   https://www.facebook.com/457710731012513/posts/2037502109700026?sfns=mo   https://www.youtube.com/watch?v=pb3B1sbX8Is&feature=youtu.be&fbclid=IwAR2wpO1ha3sEIWod_CQtddY-WxJQODyxHetQdOvFTlP2gREdDP8YtOIyHIA

Triple i Logistics spends more than 500 million baht to complete its deal on the purchase of a 50% stake in Around Logistics Hong Kong, stepping up to be truly a sales agent of freight for airlines in the region.

Triple i Logistics PLC. (iii), Thailand’s leading integrated logistics operator, announced to buy a 50% stake in Around Logistics Management Company Limited in Hong Kong for over 500 million baht to strengthen its air freight business and also expand its partnership with airlines in providing service to cover destination in 24 nations worldwide. It expects total sales in 2019 would grow over 20%.Triple i Logistics PLC. (iii), Thailand’s leading integrated logistics operator, announced to buy a 50% stake in Around Logistics Management Company Limited in Hong Kong for over 500 million baht to strengthen its air freight business and also expand its partnership with airlines in providing service to cover destination in 24 nations worldwide. It expects total sales in 2019 would grow over 20%. Mr. Tipp Dalal, CEO of Triple i Logistics PLC. (iii), said the company’s board meeting has approved a deal to purchase a 50% stake in Around Logistics Management Company Limited in Hong Kong. It has bought 125,000 shares, or making up 50% of the common shares to be issued and allocated of Around Logistics. To do so, the company has used its fund raised from IPO, cash flow from operation and borrowed from financial institutions to spend on the purchase, with the aim to increase its business value in air freight business. Especially General Sales Agent (GSA), it is aimed at driving its growth, boosting its competitiveness and strengthening its business after acquiring DGP in Singapore and a 14.95 stake in SAL Group (Thailand) Company Limited early this year. Around Logistics Management Company Limited and its subsidiaries are trade partner with Triple i Logistics for more than a decade to operate business as a general sales agent of freight with airlines specializing in Asian region with offices in Thailand, Singapore, Hong Kong and Vietnam. Currently, it is an agent for more than 22 airlines such as All Nippon Airways, Vietnam Airlines, Hong Kong Airlines and leading airlines with destination covering in 24 nations across Asia, North America and Europe. Mr. Tipp said buying shares in Around Logistics Management will help strengthen the company’s strategy in the competitive market. Benefit gains from the acquisition is as follows: • To increase opportunity to expand its business regionally following the company’s strategy which is moving ahead its 4 major business, and one of them is air freight service. Investing in Around Logistics Management, with its subsidiaries as freight agents for airlines in the region, especially in Hong Kong and Singapore as trade hub in Asia, and also Vietnam with fast-growing economy and this will lead Triple i Logistics to receive know-how about international trade for being the agent for 22 international airlines to serve the company’s strategy in securing its future growth. Moreover, the firm will receive a regional partnership to help add value to the existing businesses in the group to expand regionally. • To increase the company’s sales and profit. After the acquisition, Around Logistics is part of the group, which will produce a return from investment through dividend contribution and profit to the company, resulting in strengthening our profit and cash flow in the group in long term. “This investment is a crucial step for the company’s strategy in partnership with our network in order to add its business value in the company’s air freight service to cover different nations across Asia truly. Sales and profit the company will receive will in part lead the company to achieve its sales target as expected, thanks to organic growth from major business and inorganic growth from acquisition. Currently, the firm has boosted our competitiveness and created differentiation over rivals in order to secure our sustainable growth. For 2019, Triple i Logistics expect its sales would grow more than 20%,’’ Mr. Tipp said. About Triple i Logistics (iii)Triple i Logistics is the logistics provider in four areas, including air freight, sea freight and inland transport, logistics management and chemical & specialty logistics, to serve various Thai, international and public clients.

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ สยายปีก ทุ่มกว่า 500 ลบ. ปิดดีลซื้อหุ้น Around Logistics Hong Kong 50% ก้าวสู่การเป็นตัวแทนสายการบินในระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง

การเงิน ธนาคาร (วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562)     From: https://www.moneyandbanking.co.th/new/24051/2/ทริพเพิล-ไอ-โลจิสติกส์-สยายปีก-ทุ่มกว่า-500-ลบ-ปิ

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ สยายปีก ทุ่มกว่า 500 ลบ. ปิดดีลซื้อหุ้น Around Logistics Hong Kong 50% ก้าวสู่การเป็นตัวแทนสายการบินในระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (จำกัด) มหาชน หรือ iii ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย ประกาศซื้อหุ้น 50% ของบริษัท อราวน์ โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ประเทศฮ่องกง ด้วยมูลค่าการซื้อกว่า 500 ล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ขยายฐานพันธมิตรสายการบินครอบคลุมเส้นทางให้บริการ 24 ประเทศทั่วโลก ปักธงยอดขายปี 62 เติบโตกว่า 20 % นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 50% ในบริษัท อราวน์ โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (Around Logistics Management Company Limited) ซึ่งเป็นบริษัทในฮ่องกง โดยเข้าซื้อหุ้นจำนวน 125,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ อราวน์ โลจิสติกส์ โดยใช้เงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของบริษัทฯ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อต่อยอดกลุ่มธุรกิจการบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ โดยเฉพาะธุรกิจการเป็นตัวแทนสายการบิน (GSA) เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้ซื้อดีล DGP สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว รวมถึงการซื้อหุ้นของ บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 14.95 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัท อราวน์ โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัทในกลุ่ม เป็นคู่ค้ากับทริพเพิลไอ โลจิสติกส์ มานานกว่า 10 ปี ดำเนินธุรกิจหลักเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าให้กับสายการบินที่มีความเชี่ยวชาญในภูมิภาคเอเชีย โดยมีบริษัทย่อยอยู่ในประเทศไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และเวียดนาม ปัจจุบันเป็นตัวแทนให้กับสายการบินต่างๆ มากกว่า 22 สายการบิน อาทิ สายการบิน All Nippon Airways, Vietnam Airlines, Hong Kong Airlines และสายการบินชั้นนำอื่นๆ ซึ่งมีเส้นทางการให้บริการครอบคลุม 24 ประเทศ ทั่วทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป นายทิพย์ เผยต่อว่า การซื้อหุ้นบริษัท อราวน์ โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นการเสริมยุทธศาสตร์การแข่งขันของทางบริษัทฯ โดยประโยชน์ที่ทางบริษัทฯ จะได้รับจากซื้อหุ้นในครั้งนี้ ได้แก่ - เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มหลัก โดยหนึ่งในนั้นคือธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ การลงทุนใน อราวน์ โลจิสติกส์ ซึ่งมีบริษัทย่อยเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าให้แก่สายการบินในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญในเอเชีย รวมทั้งประเทศเวียดนามที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ทำให้ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ได้ Know-how เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศด้านการเป็นตัวแทนสายการบินนานาชาติมากกว่า 22 สายการบิน ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มาซึ่งพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในระดับภูมิภาค เพื่อต่อยอดกับธุรกิจต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ในปัจจุบันให้สามารถขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคได้อีกด้วย - เสริมสร้างรายได้และผลกำไรของบริษัทฯ ภายหลังการเข้าทำรายการในครั้งนี้ อราวน์ โลจิสติกส์ จะมีสถานะเป็นบริษัทร่วมของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะสามารถรับรู้กำไรจากการลงทุนทั้งในรูปแบบเงินปันผล และกำไรจากบริษัทร่วม ซึ่งจะเป็นส่วนสร้างผลกำไรและกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในระยะยาวให้กับกลุ่มบริษัทฯ “การลงทุนครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในเชิงกลยุทธ์ที่บริษัทฯได้จับมือกับพันธมิตรในการขยายเครือข่ายเพื่อต่อยอดธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียได้อย่างแท้จริง โดยรายได้และสัดส่วนกำไรที่จะได้รับจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย ที่จะมีการเติบโตทั้งจากธุรกิจหลักในปัจจุบันของบริษัทฯ (organic) และการเติบโตลักษณะการเข้าซื้อกิจการ (inorganic) ที่ตั้งไว้ในปีนี้ และยังเป็นฐานในการขยายโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ให้มีศักยภาพในการแข่งขันที่โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อเสริมให้บริษัทฯ มีการเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืนในอนาคต สำหรับปี 2562 บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%” นายทิพย์ ดาลาล กล่าวสรุป ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทฯ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (iii) เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1. การขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) 2. การขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก (Sea Freight and Inland Transport) 3. การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การบริหารคลังสินค้า และการกระจายสินค้า (Logistics Management) และ 4. โลจิสติกส์ครบวงจรสำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย (Chemical & Specialty Logistics) โดยมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทมหาชน บริษัทข้ามชาติ และบริษัทไทยจำนวนมาก

iii อวดลูกค้าในมือแน่น เพิ่มตู้คอนเทนเนอร์รอ

THUNHOON.COM (January 31, 2019)   ทันหุ้น – III แย้มผลงานไตรมาส 1/2562 โดดเด่น รับอานิสงส์ E-Commerce ขยายตัว ลูกค้าทั้งไทย-ต่างชาติ เรียงคิวใช้บริการขนส่งสินค้าแน่น เดินหน้าเพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ในปีนี้แตะ 2 พันตู้ จากปีก่อนที่ราว 1.2 พันตู้ หวังรองรับความต้องกรที่เพิ่มขึ้น ฟุ้งปีนี้เห็นปิดดีล M&A แน่นอน 1 ราย นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2562 เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นมากว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจ E-Commerce ที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความต้องการขนส่งสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ได้มากขึ้น ทั้งนี้ ธุรกิจการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) พันธมิตรหลักที่เป็นผู้ให้บริการสายการบินยังมีแผนที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในปีนี้อีกด้วย ทำให้มองว่าในปี 2562 บริษัทจะมีผู้ใช้บริการมากขึ้น รวมถึงจะช่วยให้การใช้พื้นที่คลังสินค้าภายในสนามบินดอนเมืองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าความสามารถในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและอัตราไรสุทธิในปีนี้ประเมินว่าจะมกกว่า 19 – 22% และ 5 – 6% ตามลำดับ อย่างไรก็ดีปัจจุบันบริษัทได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้ากลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่ให้ความสนใจเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะทยอยได้รับความชัดเจนการเข้าใช้บริการเร็วๆ นี้ *เพิ่มตู้คอนเทนเนอร์ 2 พันตู้ ประกอบกับธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก (Sea Freight and Inland Transport Business) บริษัทคาดว่าปี 2562 จะเติบโตตามการขยายตัวตามปริมาณการขนส่งสินค้า ซึ่งคาด่าปีนี้จะเพิ่มจาก 1,200 ตู้คอนเทนเนอร์ ขยับขึ้นมาที่ 2,000 ตู้คอนเทนเนอร์ นับว่าเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของการขนส่งจากคู่ค้า “ริเชา” ที่ป็นเรือรัฐวิสาหกิจจากประเทศจีน โดยหากว่าพันธมิตรมีการขยายเส้นทางการเดินเรือเพิ่ม บริษัทก็มองว่ามีโอกาสที่จะได้รับงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ในปี 2562 นี้ จากการที่บริษัทร่วมทุนใหม่ บริษัท เจพีเค เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด โดยบริษัทจะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนที่ 34% เพื่อประกอบธุรกิจตัวแทนขายระวางสายการบิน ในกลุ่มสายการบินใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ สิงค์โปร ฮ่องกง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป รวมถึงจากการลงทุนใน บริษัท DG Packaging ในสิงคโปร์ที่สัดส่วน 50% ในปีนี้บริษัทจะรับรู้กำไรจากการลงทุนเข้ามาอย่างเต็มประสิทธิภาพ คาดว่าเฉลี่ยต่อปีจะไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้การเติบโตของรายได้ในปี 2562 นี้ จะไม่น้อยกว่า 15 – 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนโครงสร้างรายได้ในปี 2562 แบ่งออกเป็นธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศเป็นรายได้หลักกว่า 60% ของรายได้รวม จากปีก่อนที่ประมาณ 60 – 70%, ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์คิดเป็นประมาณ 20%, ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบกในปีนี้จะเพิ่มเป็น 5 – 10% จากปีก่อนที่ 5% ตามภาวะการส่งออกที่ขยายตัว และธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์เพิ่มเป็น 5 – 10% จากปีก่อนที่ประมาณ 5% เป็นต้น *เร่งปิดดีลเจรจาพันธมิตร ขณะเดียวกันในปี 2562 นี้ บริษัทยังมีแผนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) รวมถึงการเข้าร่วมลงทุน (Joint Venture) ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทั้งการขนส่งทางอากาศ ทางบกและทางทะเล เพิ่มเติม โดยจะเน้นไปในแถบภูมิภาคเอเชียตามแผนที่วางไว้ว่าปีละไม่น้อยกว่า 1 ดีล อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทก็พยายามจะหาข้อสรุปให้ได้เร็วที่สุด ส่วนการศึกษาการลงทุนในธุรกิจการบริหารคลังสินค้า และการกระจายสินค้า (Logistics Management) คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนไม่เกินกลางไตรมาส 1/2562 นี้ สำหรับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย (Chemical & Specialty Logistics Business) ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาขยายคลังสินค้าในเพิ่ม ในพื้นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC โดยหลักจากเป็นการจับมือกับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุน ซึ่งบริษัทจะมองหาพันธมิตรที่มีที่ดินและบริษัทจะร่วมเข้าลงทุนด้านบริหารจัดการ คาดว่าจะได้เข้าสรุปไม่เกินกลางไตรมาส 1/2562 เช่นเดียวกัน   From: https://www.thunhoon.com/192307/30/37/

III ลุ้นรายได้ปี 62 โตทะลุ 3 พันลบ. เล็งขยายคลังสินค้าอันตรายในพื้นที่ EEC

ข่าวหุ้นออนไลน์ (วันที่ 22 มกราคม 2562) ที่มา : https://www.kaohoon.com/content/274339?fbclid=IwAR0vdaNz7kaInMYwfLelIk-EgkEkoFnEaDuOOHJuN1omIw0JCsicZ6grDfc

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ชูจุดยืนการเติบโตอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน

ตลอดระยะเวลา 9 ปี ของการเติบโตจากการเป็นบริษัทจำกัด สู่การเป็นบริษัทมหาชน บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย และบริษัทในเครือมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่การเป็นองค์กรที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการเติบโตอย่างมี “มูลค่า” คือการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างมี “คุณค่า” คือ การมีจิตสำนึกสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคม ที่ผ่านมาทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นการให้ทุนการศึกษากับนักเรียนที่ขาดแคลนโอกาส การสนับสนุนหน่วยงานและมูลนิธิต่างๆ อย่างสม่ำเสมอในแง่ของการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ บริษัทยังมีการจัดกิจกรรม Open House เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการดำเนินงานโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้กับนิสิตนักศึกษาในสาขาวิชาโลจิสติกส์ โดยในปีที่แล้ว บมจ. ทริพเพิล ไอโลจิสติกส์ และบริษัทในเครือได้สร้างสรรค์กิจกรรมซีเอสอาร์ ตลอดทั้งปี เริ่มจากบริษัท ทริพเพิล ไอ เอเชีย คาร์โก จำกัด เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานแข่งขันกอล์ฟการกุศล The Annual AGC Tournament 2018 โดยร่วมกับคณะผู้จัดงานบริจาคทุนการศึกษาและอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนบ้านดงวิทยาคาร และโรงเรียนหัวเขาแก้ว จ.นครนายก ถัดมาเป็นโครงการ “ปันน้ำใจ สายใยผูกพัน สานฝันบ้านราชาวดี” ซึ่งทีมผู้บริหารและพนักงานของ บริษัท ทริพเพิล ไอ มาริไทม์ เอเยนซีส์ จำกัด และ บริษัท ซีเค ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันบริจาคเงิน สิ่งของเครื่องใช้และอาหาร รวมทั้งทำกิจกรรมสันทนาการมอบรอยยิ้มให้กับน้องๆ ผู้พิการที่อยู่ในการดูแลสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญาบ้านราชาวดีชาย ส่งท้ายปีเก่า ด้วยนอกจากนี้ เรายังสร้างสรรค์โครงการ “Growing stronger, Growing together” โดยได้นำกระดาษรีไซเคิลมาใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตปฏิทินและไดอารี่ประจำปี 2019 ภายใต้คอนเซปต์กระตุ้นจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยภาพถ่ายจากช่างภาพมืออาชีพ 6 ท่าน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่กำลังจะหมดไปหากไม่ได้รับการดูแลนอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติและข้อมูลเชิงสถิติที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ สัตว์ป่า ปริมาณขยะ เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา เรายังร่วมสนับสนุนให้กับมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ผู้ปฏิบัติหน้าที่อนุรักษ์ผืนป่าและสัตว์ป่าแทนพวกเราทุกคน เพราะเราเชื่อว่าด้วยความร่วมมือกันในการสร้างจิตสำนึกเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ จะเป็นตัวอย่างเล็กๆของการเริ่มต้นสร้างความแข็งแกร่งและจะพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง  

กิจกรรม “ปันน้ำใจ สายใยผูกพัน สานฝันบ้านราชาวดี”

MGR Online (วันที่ 15 มกราคม 2562) กิจกรรม “ปันน้ำใจ สายใยผูกพัน สานฝันบ้านราชาวดี” นายธนัท ตาตะยานนท์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริพเพิล ไอ มาริไทม์ เอเยนซีส์ จำกัด นำทีมผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ทริพเพิล ไอ มาริไทม์ เอเยนซีส์ จำกัด และ บริษัท ซีเค ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม "ปันน้ำใจ สายใยผูกพัน สานฝันบ้านราชาวดี" เพื่อมอบเงินบริจาค สิ่งของเครื่องใช้ และอาหารให้แก่เด็กผู้พิการทางสมองและปัญญา โดยมี นางบุญมา บุตรรักษ์ (ขวา) หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (บ้านราชาวดีชาย) เป็นผู้รับมอบ   ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9620000004939?fbclid=IwAR3OqydUKu2YM7Y9qT5btR1I8fhsbxAUg570Ath6HqlPpVgGdjZscAVcu9ohttps://www.youtube.com/watch?v=dsgkLtg4bSk&feature=youtu.be&fbclid=IwAR3amSzDneCT62IBjc6w9eP1aLVQF444DUfP9bmPzuAjnk38d6pRJLGOLoghttp://thai.logistics-manager.com/2018/12/17/triple-logistics-plc-analyst-meeting-q32018/http://thai.logistics-manager.com/2018/10/18/pat-rizhao-port/https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006

รายการ Money Daily

รายการ Money Daily ช่อง 9HD (วันที่ 9 มกราคม 2562)   ชมคลิปรายการ : https://www.youtube.com/watch?v=dsgkLtg4bSk&feature=youtu.be&fbclid=IwAR3amSzDneCT62IBjc6w9eP1aLVQF444DUfP9bmPzuAjnk38d6pRJLGOLoghttp://thai.logistics-manager.com/2018/12/17/triple-logistics-plc-analyst-meeting-q32018/http://thai.logistics-manager.com/2018/10/18/pat-rizhao-port/https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006

Triple i Logistics จัดงาน ‘Triple i Logistics PLC Analyst Meeting Q3/2018’

thai.logistics-manager.com (วันที่ 17 ตุลาคม 2561)   เมื่อเร็วๆ นี้ คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (III) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่ให้บริการครอบคลุมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก การบริหารจัดการโลจิสติกส์ รวมทั้งการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ จัดการประชุมนักวิเคราะห์แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2018 ‘Triple i Logistics PLC Analyst Meeting Q3/2018′ ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์   ที่มา : http://thai.logistics-manager.com/2018/12/17/triple-logistics-plc-analyst-meeting-q32018/http://thai.logistics-manager.com/2018/10/18/pat-rizhao-port/https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006

การท่าเรือแห่งประเทศไทย และ Rizhao Port Group ร่วมหารือความคืบหน้าในการร่วมลงนามสำหรับสัญญาท่าเรือพี่น้อง

thai.logistics-manager.com (วันที่ 18 ตุลาคม 2561) คุณโกมล ศรีบางพลีน้อย ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ให้เกียรติต้อนรับ Mr. Wang Yonggang รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท Rizhao Port Group จำกัด คุณวิรัช นอบน้อมธรรม และ คุณธนัท ตาตะยานนท์ ผู้บริหารระดับสูง บริษัท ทริพเพิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เพือร่วมหารือความคืบหน้าในการร่วมลงนามสำหรับสัญญาท่าเรือพี่น้อง (Sister Port) ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยกับท่าเรือริเซาซึ่งเป็นท่าเรือรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน   ที่มา : http://thai.logistics-manager.com/2018/10/18/pat-rizhao-port/https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006

TMA ตัวแทนสายการเดินเรือ Rizhao Port (Hong Kong) Shipping Line ประกาศเพิ่มเส้นทางไปเวียดนาม

thai.logistics-manager.com (วันที่ 12 กันยายน 2561)  

ครบรอบ 1 ปี หลังจาก TRIPLE I MARITIME AGENCIES CO., LTD. (TMA) บริษัทในเครือ TRIPLE I LOGISTICS ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนเพียงรายเดียวในประเทศไทยให้กับสายการเดินเรือ RIZHAO PORT (HONG KONG) SHIPPING LINE ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของเมือง RIZHAO (รื่อจ้าว) ในมณฑลซานตงทางตอนเหนือของประเทศจีน โดยมีเส้นทางการให้บริการครอบคลุมประเทศจีน เวียดนาม และไทย ล่าสุดเดินหน้าเพิ่มเส้นทางขาออกไปยังเวียดนาม พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการด้วยการใช้เรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด โดยสามารถให้บริการได้มากถึง 1,800 TEUS ต่อเที่ยว

คุณธนัท ตาตะยานนท์ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า “หลังจากที่เราให้บริการมาครบหนึ่งปี ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เนื่องมาจากจุดแข็งของเราคือการเป็นสายการเดินเรือรายเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการตรงสู่เมือง Rizhao ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมหลักของจีน นอกจากนี้การเป็นผู้ให้บริการแต่เพียงผู้เดียว (Single Operator) ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างคล่องตัว ส่งผลให้อัตราการขนส่งสินค้าเป็นไปตามตารางการเดินเรือ” เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางการให้บริการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนส่งสินค้าให้มากขึ้น โดยเพิ่มเมืองโฮจิมินห์ในเส้นทางขาออกจากประเทศไทย ปัจจุบันจึงมีเส้นทางการให้บริการดังนี้ เส้นทางขาเข้า Shanghai (เซี่ยงไฮ้) – Rizhao (รื่อจ้าว) – Catlai (คัทไล) – Bangkok PAT (ท่าเรือกรุงเทพ) – Laem Chabang (ท่าเรือแหลมฉบัง ESCO) และเส้นทางขาออก Bangkok PAT (ท่าเรือกรุงเทพ) – Laem Chabang (ท่าเรือแหลมฉบัง ESCO) – Catlai (คัทไล) – Shanghai (เซี่ยงไฮ้) – Rizhao (รื่อจ้าว)   ที่มา : http://thai.logistics-manager.com/2018/09/12/triple-i-maritime-agencies-tma-vietnam/http://thai.logistics-manager.com/2018/10/18/pat-rizhao-port/https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006

รายการคอหุ้น CEO Talk

Corehoon-Power Time คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III พร้อมคุณวิรัช น้อมนอบธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน พูดถึงผลงานไตรมาส 2 ปีนี้

ทริพเพิล ไอ ปลื้มไตรมาส 2/61 กวาดรายได้กว่า 700 ล้าน กำไรเติบโตต่อเนื่องสามไตรมาส ครึ่งปีหลังเตรียมลุยช่วง High Season

III ปลื้มผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ กวาดรายได้ 700.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 38.4 ล้านบาท ทั้งปีย้ำเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน 2,294.6 ล้านบาท รับอานิสงส์ 4 ธุรกิจหลัก “ขนส่งสินค้าทางอากาศ-ทางทะเลและทางบก-ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์-ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์” เข้าสู่ High Season ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ไตรมาส 3 ปีนี้ จะเริ่มรับรู้รายได้จาก DG Packaging ในสิงคโปร์ หนุนผลงานสดใส  นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทย ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2561 (สิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2561) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้ 700.1 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 563.1 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิลดลง 4.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2561 มีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 97.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2561 จำนวน 38.4  ล้านบาท มาจากรายได้และปริมาณการให้บริการของทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2561 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมจำนวน 1,303.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 17.5 ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการให้บริการที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงอันเนื่องมาจากผลกระทบจากค่าเงินบาท นายทิพย์กล่าวว่า “แม้ผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลง โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศนั้น แต่ทั้งนี้กำไรสุทธิของบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนถึงร้อยละ 48” นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนให้กับสายเรือพันธมิตรได้แก่ สายเรือริเซา จากประเทศจีน ส่งผลให้มีความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้นด้วย ประกอบกับการให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่สนามบินนานาชาติดอนเมืองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นการให้บริการทั้งภายในกลุ่มบริษัทฯ เอง และให้บริการแก่สายการบินและลูกค้าอื่น ๆ อีกด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ ของบริษัท DG Packaging Pte., Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ ในสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งประกอบธุรกิจขายและให้บริการเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ คิดเป็นเงินลงทุนจำนวน 267.8 ล้านบาท โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ รวมถึงเป็นการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ตลอดจนสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มบริษัทฯ โดยจะรับรู้ผลกำไรจากส่วนแบ่งของเงินลงทุนได้ในไตรมาส 3/2561 “ในช่วงครึ่งปีหลัง  ผลประกอบการมีแนวโน้มออกมาในทิศทางที่ดี เพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโลจิสติกส์และการส่งออก  โดยในปีนี้ปริมาณการส่งออกมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งพันธมิตรหลักของบริษัทฯ ทั้งสายการบินไทยแอร์เอเซีย และไทยแอร์เอเซีย เอ็กซ์ มีการเปิดเส้นทางใหม่และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศและการใช้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน โดยเฉพาะธุรกิจคลังสินค้าระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง รวมถึงการบริหารจัดการด้านผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และในส่วนของการลงทุนกับ บริษัท DGP ในสิงคโปร์ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3  ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น จึงคาดว่ารายได้ในปีนี้ จะเติบโต 15-20% จากปีก่อนซึ่งทำได้ 2,294.6 ล้านบาท” นายทิพย์ กล่าว  

ทริพเพิล ไอ กวาดรายได้ไตรมาส 2/61 กว่า 700 ล้าน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20%

MGR Online (August 8, 2018) III เผยผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ กวาดรายได้ 700.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 38.4 ล้านบาท ทั้งปีย้ำเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน 2,294.6 ล้านบาท รับอานิสงส์ 4 ธุรกิจหลัก “ขนส่งสินค้าทางอากาศ-ทางทะเล และทางบก-ธุรกิจบริหารจัดการลอจิสติกส์-ธุรกิจลอจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์” เข้าสู่ High Season ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ไตรมาส 3 ปีนี้ จะเริ่มรับรู้รายได้จาก DG Packaging ในสิงคโปร์ หนุนผลงานสดใส นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทย ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2561 (สิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2561) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้ 700.1 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 563.1 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิลดลง 4.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2561 มีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 97.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2561 จำนวน 38.4 ล้านบาท มาจากรายได้ และปริมาณการให้บริการของทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล และทางบก ธุรกิจบริหารจัดการลอจิสติกส์ และธุรกิจลอจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2561 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมจำนวน 1,303.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 17.5 ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการให้บริการที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงอันเนื่องมาจากผลกระทบจากค่าเงินบาท “แม้ผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลง โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศนั้น ทั้งนี้ กำไรสุทธิของบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนถึงร้อยละ 48” นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนให้กับสายเรือพันธมิตรได้แก่ สายเรือริเซา จากประเทศจีน ส่งผลให้มีความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้นด้วย ประกอบกับการให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่สนามบินนานาชาติดอนเมือง ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นการให้บริการทั้งภายในกลุ่มบริษัทฯ เอง และให้บริการแก่สายการบินและลูกค้าอื่นๆ อีกด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ ของบริษัท DG Packaging Pte., Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ ในสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งประกอบธุรกิจขายและให้บริการเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ คิดเป็นเงินลงทุน จำนวน 267.8 ล้านบาท โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจลอจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ รวมถึงเป็นการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ตลอดจนสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มบริษัทฯ โดยจะรับรู้ผลกำไรจากส่วนแบ่งของเงินลงทุนได้ในไตรมาส 3/2561 “ในช่วงครึ่งปีหลัง ผลประกอบการมีแนวโน้มออกมาในทิศทางที่ดี เพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจลอจิสติกส์ และการส่งออก โดยในปีนี้ปริมาณการส่งออกมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งพันธมิตรหลักของบริษัทฯ ทั้งสายการบินไทยแอร์เอเซีย และไทยแอร์เอเซีย เอ็กซ์ มีการเปิดเส้นทางใหม่ และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศ และการใช้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน โดยเฉพาะธุรกิจคลังสินค้าระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง รวมถึงการบริหารจัดการด้านผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และในส่วนของการลงทุน กับบริษัท DGP ในสิงคโปร์ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น จึงคาดว่า รายได้ในปีนี้ จะเติบโต 15-20% จากปีก่อน ซึ่งทำได้ 2,294.6 ล้านบาท” นายทิพย์ กล่าว   ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006

“ทริพเพิล ไอ” ดัน DGP ต่อยอดฮับโลจิสติกส์เอเซีย

เว็บไซต์หุ้นสมาร์ท (19 มิถุนายน 2561)   “ทริพเพิล ไอ” ตั้งเป้าต่อยอดฮับโลจิสติกส์เคมีภัณฑ์เอเซีย หลังปิดดีลซื้อ “ DGP” บรรจุภัณฑ์รายใหญ่สิงคโปร์ 50 % เตรียมเจรจรา อีคอมเมิร์ช ขนส่งทางอากาศ เพิ่มความเร็วลูกค้า นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ( III ) เปิดเผยว่า การซื้อหุ้นบริษัท DG Packaging Pte. ( DGP ) สัดส่วน 50 % มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 267 ล้านบาท โดยใช้เงินทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก ( IPO ) ซึ่งการลงทุนดังกล่าวช่วยต่อยอดธุรกิจการขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์ และวัตถุอันตรายในประเทศสิงคโปร์ รวมทั้งช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้กับ III สำหรับ DGP เป็นบริษัทในสิงคโปร์ ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์และให้บริการรับบรรจุสินค้าอันตราย เป็นคู่ค้ากับ III มา 8 ปี ผลดำเนินงานปี 2560 มีรายได้ 198 ล้านบาท กำไรสุทธิ 31 ล้านบาท คาดปีนี้กำไร 50 ล้านบาท นอกจากนี้ DGP มีบริษัทร่วมทุนเป็นเครือข่ายครอบคลุม 18 ประเทศ ใน 5 ทวีป ซึ่งการขนส่งเคมีภัณฑ์ ต้องมีกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน มีการสำแดงสินค้า การร่วมทุนนี้ส่งผลให้ III ให้บริการขนส่งเคมีภัณฑ์ ครบวงจร “ การลงทุน ใน DGP ทำให้ III ได้ Know-how และเป็นการขยายตลาดขนส่งเคมีภัณฑ์เข้าสู่สิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์ เป็นฮับการขนส่งของภูมิภาคและฮับโลจิสติกส์เคมีภัณฑ์ของโลก “ นายทิพย์ กล่าวว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลัง คาดการณ์เติบโตจากครึ่งปีแรก ผลจากเติบโตของธุรกิจขนส่งทางอากาศ จาก 2 ปัจจัย คือ การเพิ่มเส้นทางการบิน เพิ่มเที่ยวบินและความถี่การขึ้น-ลงของสายการบินแอร์เอเชีย -แอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งเป็นคู่ค้า Exclusive ของ III ทำให้เห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจขนส่งทางแอร์ และ คลังสินค้าดอนเมือง มีมาร์เก็ตแชร์ 85 % ของสินค้าที่ผ่านการเข้าออกดอนเมือง มีการเติบโตสูง อนาคตพร้อมเพิ่มพื้นที่คลังสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ การเติบโตการขนส่งทางเรือ ปีนี้มีความโดดเด่นสูง หลังจากมีพันธมิตรทางธุรกิจใหม่คือ สายเรือริเชา ได้ขยายเส้นทางการเดินเรือไปเวียดนาม ที่เป็นตลาดมีการเติบโตสูง รวมทั้งสายเรือ CK Line เป็นพันธมิตรร่วมทุนเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ไปภาคเหนือของประเทศจีน คาดว่าการขนส่งทางเรือเติบโตไม่น้อยกว่า 50 % และคาดว่าไตรมาส 4 รายได้ขนส่งทางแอร์ให้กับบริษัท ไปรษณีย์ ที่สนามบินดอนเมือง กลับมาให้บริการได้ โดยรายได้ส่วนนี้คิดเป็น 10 % ของรายได้ขนส่งทางอากาศ “ รายได้ปี 2561 เติบโตไม่น้อยกว่า 20 % จากปีก่อน ซึ่งมาจากการโตของการซื้อกิจการ DGP , การขนส่งทางเรือที่ได้พันธมิตรสายการเดินเรือริเชา และ ธุรกิจแอร์ ที่เติบโตในครึ่งปีหลังจากการเปิดให้บริการคลังสินค้า บริษัทไปรษณีย์ ที่กลับมาใช้บริการไตรมาส 4 และการเพิ่มเส้นทางบิน เที่ยวบิน ของพาร์ทเนอร์ ตั้งเป้าซื้อกิจการ หรือควบรวม ปีละ 1 ดีล “ นายทิพย์ กล่าว รายงานข่าวจาก III กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมให้บริการขนส่งทางแอร์ สำหรับสินค้าอีคอมเมิร์ช เพิ่มความสะดวก รวดเร็วให้กับลูกค้า เตรียมเจรจากับผู้ให้บริการขนส่งอีคอมเมิร์ช ต่อไป       ที่มา : https://www.hoonsmart.com/archives/11588

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (iii) ทุ่มทุน 267 ล้านบาท ซื้อหุ้น DG Packaging คาดรายได้ปีนี้เติบโตกว่า 20 %

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (จำกัด) มหาชน หรือ iii ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรของไทย ประกาศเข้าซื้อหุ้น 50% บริษัท DG Packaging Pte. Ltd. (DGP) (เพิ่มเติม…)

“ iii ” ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากล

เว็บไซต์สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย (8 มิถุนายน 2561) บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ล่าสุดบริษัทในเครืออย่าง บริษัท ฮาซเคม ทรานส์แมเนจเมนท์ จำกัด ได้รับโล่เกียรติคุณมาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก จากนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ (ขวา) ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม โดยมีคุณเฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาซเคม ทรานส์แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้รับโล่ประกาศเกียรติคุณในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงและมอบโล่เกียรติคุณ “เสริมศักยภาพการขนส่งไทย  สู่ศูนย์กลางการขนส่งอาเซียน” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ   ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=aFpYVFJlcHdzR3c9&security=III

“ทริพเพิล ไอ” ปักธงมาร์เก็ตแคปหมื่นล. เร่งปิดดีลต่อยอดธุรกิจ

www.hoonsmart.com (May 29, 2018) “ทริพเพิล ไอ” ปักธง 3 ปี มาร์เก็ตแคป 1 หมื่นล้าน ตั้งเป้าซื้อกิจการ-ควบรวมปีละ 1 ดีล เร่งปิดดีลซื้อกิจการต่อยอดธุรกิจ “ทิพย์” ชี้ธุรกิจครึ่งปีหลังแจ่ม นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III ) เปิดเผยว่า บริษัท ตั้งเป้า 3 ปี นับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือภายในปี 2563 มีมูลค่าตลาดรวม 1 หมื่นล้านบาท เป็นความท้าทายในกรอบเวลา แต่คิดว่ามีความเป็นไปได้ นายทิพย์ กล่าวว่า หลังจากระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมีเงินทุนเพียงพอในการซื้อหรือควบรวมกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง โดยแต่ละปีมีเป้าหมายซื้อหรือควบรวม อย่างน้อยปีละ 1 ดีล สำหรับปีนี้ มีการเจรจาดีล 1-2 ดีล เป็นบริษัทโลจิสติกส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลักษณะธุรกิจที่เจรจาลงทุน สัดส่วนการถือหุ้นต้องมีนัยสำคัญในการเข้าร่วมบริหารร่วมกับผู้ถือหุ้นเดิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัท III เปิดดำเนินงานกว่า 20 ปี ภาพรวมธุรกิจไม่เคยขาดทุน และไม่ได้ลงทุนสินทรัพย์มาก ปกติธุรกิจครึ่งปีหลัง ดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งปีหลัง 2561 นี้ก็เช่นกัน โดยมาจากธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจการขนส่งทางเรือเติบโตเกือบ 100 % จากฐานที่ไม่ใหญ่มาก และได้ลูกค้าสายเรือใหม่เข้ามาเพิ่มยอดขายและกำไร สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ออกมา หากเปรียบเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนลดลง แต่ถ้าเปรียบเทียบไตรมาส 4 จะเห็นว่ายอดขายเติบโตขึ้น และไตรมาส 2 มีทิศทางดีขึ้น จากธุรกิจบริหารจัดการคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองต้นปี 2561 สัญญาบริหารเอ็กซ์คลูซีฟ 5 ปี “ หากเปรียบเทียบกำไรสุทธิ ไตรมาสแรก กับช่วงเดียวกันปี 2560 กำไรจะลดลง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 /2560 จะเห็นว่าบริษัทมียอดขายและกำไรที่ดีขึ้น ซึ่งไตรมาสแรกการเปิดธุรกิจบริหารคลังสินค้าในสนามบินดอนเมือง เป็นช่วงการลงทุนและบริษัทกำลังเร่งบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเนื่อง “ นายทิพย์ กล่าวและว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ บริษัทไม่ได้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน แต่มาร์จิ้นหายไปเฉลี่ย 3 บาท ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าขนส่งกับลูกค้า   From : https://www.hoonsmart.com/archives/8220

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (iii) โชว์รายได้ Q1 เติบโต 12.6% สายเรือใหม่ ริเชา คลังสินค้าทางอากาศ ช่วยเพิ่มยอดขาย คาดดันยอดปีนี้โต 15-20%

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (iii) ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจรของไทย โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/ 2561 ทำรายได้ 603 ล้านบาท (เพิ่มเติม…)

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ โชว์รายได้ Q1 เติบโต 12.6%

เว็บไซต์โลกวันนี้ (9 พฤษภาคม 2561) นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 535.5 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท และในไตรมาสนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากกำไรสุทธิ 20.1 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2560 แต่ลดลงจากกำไรสุทธิ 40.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2560โดยมีปัจจัยที่ส่งผลให้อัตรากำไรลดลง ได้แก่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูเอสดอลล่าร์และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มมากขึ้นอัเนื่องมาจากการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการจัดตั้งคลังสินค้าในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงเตรียมความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงานให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริงจากซัพพลายเออร์บางราย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำลังเร่งบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีการเจรจาต่อรองและหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อควบคุมให้ค่าใช้จ่ายเป็นไปตามที่วางแผนไว้ แม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ถ้าดูจากจำนวนการขนส่งสินค้าที่ผ่านคลังสินค้าของเราที่ดอนเมือง จะเห็นว่ามีปริมาณสินค้ามากกว่าที่คาดไว้ถึง 25% ซึ่งหากเรามีการบริหารต้นทุนที่ดี เชื่อว่ากลางปีนี้จะมีภาพรวมรายได้ที่ดีขึ้นและเป็นไปตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้” iii เป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ให้บริการการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศ ทางทะเล ทางบก ขนส่งเคมีภัณฑ์และรับบริหารงานโลจิสติกส์ โดยในไตรมาส 1 ปีนี้ รายได้รวมของบริษัทฯ มาจาก ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ 487 ล้านบาท หรือ 70.9% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ 133 ล้านบาท หรือ 19.4% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 28.9 ล้านบาท หรือ 4.2% และมาจากธุรกิจรับบริหารงานโลจิสติกส์ 34.7 ล้านบาท หรือ 5% “รายได้ของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นธุรกิจหลักเติบโตถึง 13 % เนื่องจาก บริษัทฯได้เริ่มให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งปัจจุบันคาดว่าบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 85% นอกจากนี้ ปริมาณการขนส่งทางอากาศ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการปลดล็อคของ ICAO อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรหลักของบริษัทฯ คือ สายการบินแอร์เอเชีย และ สายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีการเพิ่มเส้นทางบินและเที่ยวบิน จึงทำให้มีปริมาณการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจขนส่งทางเรือเติบโตสูง 58.8% เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเพียงรายเดียว (Exclusive Agent) ในประเทศไทยของสายการเดินเรือ ริเชา (Rizhao Shipping Lines) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของจีนโดยเส้นทางการให้บริการครอบคลุม ประเทศจีน เวียดนามและไทย ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ รายได้และกำไรการจากการขายพื้นที่ระวางสินค้าของบริษัทร่วมทุนและบริษัทย่อยได้เติบโตขึ้น จากปริมาณการค้าและการส่งออกและนำเข้าที่ขยายตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโลกและจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง   ที่มา : http://www.lokwannee.com/web2013/?p=306262

‘iii’ มั่นใจปีนี้โตเกิน 20% 

Logistics Mag (25 เมษายน 2561)     ‘iii’ มั่นใจปีนี้โตเกิน 20% #iii #ทริพเพิลไอ ผู้ถือหุ้นเตรียมเฮ บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii บริษัทฯโลจิสติกส์เกรดเอ เตรียมจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานปี 2560 แก่ผู้ถือหุ้น โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 โดยคุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตอกย้ำว่ามั่นใจปีนี้ รายได้จะเติบโตมากกว่า 20% อนึ่ง บริษัทฯได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 เมือวันที่ 24 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา โดยมี คุณเกริกไกร จีระแพทย์ ประธานกรรมการบริษัท คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และคณะกรรมการทุกท่าน เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง   ที่มา : https://www.facebook.com/logisticsmag/photos/a.1064117070377024.1073741829.963574377097961/1522948037827256/?type=3&theater

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ได้งานใหม่ดันรายได้เพิ่ม

ผู้จัดการออนไลน์ (26 มีนาคม 2561) ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ เปิดคลังสินค้าระหว่างประเทศที่ดอนเมือง คาดดันการครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 85% รองรับยอดการค้าเติบโต ขณะผลงานปีนี้ตั้งเป้าเติบโตกว่า 20% นายธีรนิติ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการจัดการกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยได้รับสัมปทานจาก บมจ. ท่าอากาศยานไทย ด้วยพื้นที่ให้บริการขนาดประมาณ 5,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณมากกว่า 85% เนื่องจากมีสายการบินไทยแอร์ เอเชีย และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งมีจำนวนเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมืองมากที่สุดเป็นลูกค้าหลัก นอกจากนี้ ยังให้บริการแก่กลุ่มสายการบินสกู๊ต, กลุ่มไทเกอร์แอร์ โอเรียนไทย และไชนาเอ๊กเพรสอีกด้วย ปัจจุบัน ท่าอากาศยานดอนเมืองมีเที่ยวบินระหว่างประเทศร่วม 60,000 เที่ยวบินต่อปี และคาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 93,000 ตันต่อปี เติบโตประมาณ 20% ตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้บริการด้านคลังสินค้าระหว่างประเทศและบริการที่เกี่ยวเนื่องในภาคพื้นอากาศยาน เช่น การให้บริการสินค้าผ่านคลังทั้งสินค้าขาออก ขาเข้า และ Transit การคัดแยกและจัดบรรทุกสินค้าให้ กับสายการบิน และการจัดเตรียมเอกสารสำหรับการเดินพิธีการศุลกากร รวมถึงการให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัย เช่น การ X-Ray สินค้าขาออก และ Transit เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของท่าอากาศยาน และกฎการบินนานาชาติ โดยให้บริการครอบคลุมสินค้าประเภทต่าง ๆ ทั้งสินค้าทั่วไปและสินค้าที่เน่าเสียง่าย (perishable goods) และหากในอนาคตมีลูกค้าใหม่ที่ต้องการใช้บริการเพิ่มขึ้น ทางบริษัทฯ สามารถขยายบริการให้ครอบคลุมถึงประเภทสินค้าตามความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งการเปิดบริการคลังสินค้าระหว่างประเทศฯ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight Business) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งประกอบด้วย

การเป็นตัวแทนสายการบินที่ในปีนี้สายการบินไทยแอร์เอเชีย และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ได้มีการขยายเส้นทาง และเพิ่มจำนวนเที่ยวบินทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการปลดล็อกมาตรฐานสนามบินนานาชาติของ ICAO ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายเส้นทางการบิน และการขนส่งสินค้าทางอากาศ การขนส่งสินค้าทางอากาศแบบขายส่งนั้น จะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยโฟกัสที่กลุ่มอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีน และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคที่มีศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฮับในการขยายธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ และบริการคลังสินค้าระหว่างประเทศฯ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ จะมองหาโอกาสในการเปิดคลังสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศเพิ่มเติมในสนามบินนานาชาติอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งการขยายตัวของธุรกิจการขนส่งทางอากาศทางเรือ และขนส่งเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย คาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงมากกว่า 20% จากปีก่อน   ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006

iii ย้ำเป้ารายได้ปี 61 โต 20% เดินหน้าธุรกิจแอร์คารโก้-สายเรือใหม่ จับมือพันธมิตรขยายธุรกิจขนส่งทางอากาศ

efinanceThai (February 21, 2018) บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (iii) ย้ำเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% จากการขยายธุรกิจแอร์คาร์โก้-สายเรือใหม่ พร้อมเพิ่มความร่วมมือสายการบินขยายธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ขณะที่ปี 60 เติบโตโดดเด่น ทำรายได้ 2,295 ล้านบาท หนุน กำไรพุ่ง 37.2% นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโตประมาณ 20% จากการขยายธุรกิจใหม่ทั้งแอร์คาร์โกและสายเรือใหม่ ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯได้ขยายธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยในปีนี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียและไทยแอร์เอชียเอ็กซ์ที่เป็นพันธมิตรหลักของบริษัทฯ ได้มีการขยายเส้นทางการบินเพิ่มขึ้น หลังการปลดล็อคมาตรฐานสนามบินนานาชาติของ ICAO พร้อมโฟกัสที่กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ ซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจ ล่าสุด บริษัทฯมีการเปิดตัวคลังสินค้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง พื้นที่ 5,000 ตารางเมตร โดยเริ่มให้บริการไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80 % ในธุรกิจขนส่งทางเรือ บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายเติบโตประมาณ 30% โดบบริษัทฯเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเพียงรายเดียวในประเทศไทยของสายการเดินเรือ ริเชา (Rizhao Shipping Lines) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของเมืองริเชา อยู่ในมณฑลซานตง ทางตอนเหนือของประเทศจีน โดยเริ่มแรกมีเส้นทางการให้บริการครอบคลุม ในประเทศจีน (ริเชา เซี่ยงไฮ้) เวียดนาม (โฮจิมินห์) และไทย (ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือคลองเตย) ริเชา (Rizhao Shipping Lines) จากประเทศจีน ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ ซึ่งมีบริษัทร่วมทุน เป็นตัวแทนสายการเดินเรือ CK Line ของเกาหลีใต้ และ ด้านขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LCL) จาก ECU Worldwide (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทฯร่วมทุน ซึ่งตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอินโดจีน ด้านกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย (Chemical & Specialty Logistics Business) นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญ มีบุคลากรที่มีความรู้และความชำนาญเฉพาะด้านมีมาตรฐานระดับสากล ทำให้เป็นที่ไว้วางใจแก่ลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินการขยายคลังสินค้าเพิ่มขึ้นกว่า 3,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ในปีนี้จะมีพื้นที่คลังสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายให้บริการไม่ต่ำกว่า 25,000 ตารางเมตรนอกเหนือจากคลังสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายที่ให้บริการในโซนอุตสาหกรรม บริษัทฯ ยังเตรียมขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในมากขึ้นอีกด้วย ผลประกอบการปี 2560 โดยบริษัทฯมีรายได้รวม 2,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.2% จากกำไรสุทธิ 95 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีการขยายตัวดีโดยเฉพาะธุรกิจขนส่งทางอากาศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 71% ของรายได้รวมของบริษัทฯ และธุรกิจขนส่งเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 21% ของรายได้รวม อีกทั้งบริษัทฯมีบริการที่หลากหลาย และครบวงจรอย่างแท้จริง สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน ทำให้บริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้น จากทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ยิ่งกว่านั้น ธุรกิจยังตอบรับกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการค้าของไทยจากโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯยังมีการบริหาร จัดการ ต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย รายงาน โดย สุวรรณ์ ขำเขียว เรียบเรียง โดย จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช อีเมล์. charuwan@efinancethai.com อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร :www.efinancethai.com/LastestNews/index.aspx?ref=A&id=n7tZ8aIJ/es=&year=2018&month=2&lang=T&security=III

iii โชว์กำไรโตโดดเด่น 37.2% จากแอร์คาร์โก้และเคมีภัณฑ์ ตั้งเป้าปีนี้ทุกธุรกิจเติบโตแรงกว่า 20% รับ EEC และเศรษฐกิจโต

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (iii) ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจรของไทย โชว์ผลการดำเนินงานปี 60 เติบโตโดดเด่น ทำรายได้ 2,295 ล้าน (เพิ่มเติม…)

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 20% เซ็นสัญญาร่วม ริเชา รัฐวิสาหกิจจีน

ผู้จัดการออนไลน์ (8 กุมภาพันธ์ 2561) ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ตั้งเป้ายอดขายปี 2561 เติบโต 20% หลังเปิดคลังสินค้าดอนเมือง พร้อมเป็นตัวแทนสายเรือใหม่ รองรับยอดเติบโตการค้าไทย-จีน นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2561 ประมาณ 20% โดยได้มีการปรับกลยุทธ์ ทุ่มงบประมาณขยายธุรกิจลอจิสติกส์ที่เหลือค้างจากปีที่แล้วมา 260 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของการค้าของไทย รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจของภาครัฐอีก บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight Business) โดยในปีนี้สายการบินไทยแอร์เอเชีย และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ได้มีการขยายเส้นทาง และเพิ่มจำนวนเที่ยวบินทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ส่วนธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ จะเน้นขยายฐานลูกค้าระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอีคอมเมิร์ซ และกลุ่มลูกค้าจากจีน และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ในส่วนของการให้บริการภายในภาคพื้นอากาศยาน บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวคลังสินค้าระหว่างประเทศ (International Air Cargo Terminal) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง และเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา พื้นที่ให้บริการ 5,000 ตารางเมตร ที่ได้รับสัมปทานจาก บมจ. ท่าอากาศยานไทย โดยจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80% เนื่องจากมีสายการบินไทยแอร์เอเชีย และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่มีจำนวนเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมืองมากที่สุดเป็นลูกค้าหลัก นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเล และทางบก (Sea Freight and Inland Transport Business) ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้ากลับมาเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ล่าสุด บริษัทเซ็นสัญญาร่วมกับสายการเดินเรือ ริเชา (Rizhao Shipping Lines) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของเมืองริเชา อยู่ในมณฑลซานตง ทางตอนเหนือของประเทศจีน ให้บริการครอบคลุมในประเทศจีน (ริเชา, เซี่ยงไฮ้) เวียดนาม (โฮจิมินห์) และไทย (ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือคลองเตย) ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000013074

หุ้นฮ็อต!! : iii พุ่งรับข่าวดี แต่ระวังราคาแรงทะลุเป้า จับตาขาใหญ่อยู่หรือไป

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย (8 กุมภาพันธ์ 2561) III พุ่งแรงรับข่าวดี ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจจีนเพียงรายเดียวในไทย จับตาสตอรี่หนุนโตอีกเพียบ แถมพบนักลงทุนรายใหญ่เก็บหุ้นราคาสูงสุดถึง 9.80 บาท สวนทางนักวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสมเพียง 5.80 - 7.20 บาท ราคาหุ้นบมจ.ทริพเพิล ไอ มาริไทม์ เอเยนซีส์(III) เด้งแรงพร้อมมีปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นเกินปกติ โดยราคาทำจุดสูงสุดช่วงเช้าวันนี้ (8 ก.พ.) ที่ 8.60 บาท  ก่อนปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 8.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือ 5.49% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่า 144% เทียบค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า III ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรภายใต้บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทั้งหมด 24 บริษัท โดยรับบริหารโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และให้บริการทั้งในฐานะผู้ขนส่งและผู้รับบริหารจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและภายในประเทศ ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก ในปี 59 มีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางอากาศ 67.6% ขนส่งสินค้าอันตราย 21.6% ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ 5.8% ทางทะเลและทางบก 3.9% อื่นๆ 0.2% III เพิ่งเข้าเทรดใน SET เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 60 ที่ผ่านมา ราคา IPO 4.80 บาท จากนั้นเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน โดยทำ High ที่ 12.50 บาท และ Low ที่ 6.65 บาท ในเดือนแรกที่เข้าซื้อขาย ความร้อนแรงของหุ้น III ทำให้ถูกมาตรการกำกับการซื้อขายติด Cash Balance ถึง 3 ครั้ง ทั้งที่เข้าเทรดมาเพียง 5 เดือน โดยครั้งแรกเมื่อ 11 ก.ย. -  20 ต.ค. 60 ก่อนจะถูกขยายช่วงดำเนินการ ตั้งแต่ 24 ต.ค. -  10 พ.ย. 60 และต่ออีกครั้ง 27 พ.ย. 60 - 05 ม.ค. 61 ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายลดลงและราคาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับราว 8-9 บาท ส่องผลประกอบการ III ในปี 59 มีกำไรสุทธิ 89 ล้านบาท ในขณะที่งวด 9 เดือนปี 60 มีกำไรสุทธิสูงถึง 109.54 ล้านบาท โต 45% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 75.48 ล้านบาท ตามความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของธุรกิจขนส่งทางอากาศและธุรกิจขนส่งสินค้าอันตราย แม้รายได้รวมจะเติบโตเพียง 8%ราคาหุ้น III บวกแรงในวันนี้ รับข่าวดีหลังบริษัทแจ้งได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนของสายการเดินเรือเพียงรายเดียวในไทยจาก ริเชา พอร์ต (ฮ่องกง) ชิปปิ้ง มั่นใจหนุนปริมาณการขนส่งทางเรือเพิ่ม และเปิดบริการเต็มรูปแบบไปแล้วในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงมีแผนเข้าซื้อกิจการขนส่งเพิ่มเติมอีก โดยคาดว่ารายได้ในปี 61 จะเติบโต 20% III แจ้ง บริษัท ทริพเพิล ไอ มาริไทม์ เอเยนซีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเพียงรายเดียวในประเทศไทยของสายการเดินเรือบริษัท ริเชา พอร์ต (ฮ่องกง) ชิปปิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีเส้นทางการให้บริการครอบคลุมในประเทศจีน เวียดนาม และไทย จากการได้รับเป็นตัวแทนจะเป็นช่องทางในการขยายฐานลูกค้า ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือของบริษัทเติบโตขึ้น โดยได้เริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนม.ค.61 นาย ทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III เปิดเผยว่า รายได้ในปีนี้จะเติบโต 20% จากปีก่อน หลังได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนสายการเดินเรือจากริเชา พอร์ต (ฮ่องกง) ชิปปิ้ง และการรับรู้รายได้จากการบริหารคลังสินค้าดอนเมืองนอกจากนี้บริษัทศึกษาเข้าซื้อกิจการธุรกิจขนส่งเพิ่ม เพื่อขยายบริการไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย และเตรียมเสนอก่อสร้างคลังสินค้าในสนามบินนานาชาติเพิ่มอีก 1 - 2 แห่งภายในกลางปีนี้ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวผู้ถือหุ้น III พบความน่าสนใจเมื่อมีนักลงทุนรายใหญ่เข้าเก็บหุ้นกว่า 3.6% ที่ราคาสูงสุดถึง 9.80 บาท ซึ่งนับว่าสูงกว่าราคาพื้นฐานปี 61 ที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้เพียง 5.80-7.20 บาท สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยแบบรายงานการได้มาหุ้น III โดย นางวรพรรณ จึงทรัพย์ไพศาล ภรรยาของเสี่ยจึง ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 04/09/2560 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 3.639%หรือราว 22 ล้านหุ้น ที่ราคาสูงสุด 9.80 บาท อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านางวรพรรณ จึงทรัพย์ไพศาล ยังคงถือหุ้น III อยู่หรือไม่ จนกว่าจะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในครั้งต่อไป โดยล่าสุดผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 อันดับแรก (@28 ส.ค. 2560) เป็นดังนี้
  1. นาย ทิพย์ ดาลาล                           141,371,386 หุ้น (23.39%)
  2. นาย วิรัช นอบน้อมธรรม                107,944,074 หุ้น (17.86%)
  3. นาย ธีรนิติ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา    60,710,381 หุ้น (10.04%)
  4. นาย เฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์      27,952,484 หุ้น (4.62%)
  5. นาย จิโรจ พนาจรัส                        27,952,484 หุ้น (4.62%)
ขณะที่บล.บัวหลวง ให้ราคาพื้นฐาน III ปี 61 ที่ 7.20 บาท อิง P/E 20 เท่า โดยระบุว่า III มีแนวโน้มที่สดใสจากความต้องการการใช้งานโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการค้า online ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าให้กับสายการบินเพียงผู้เดียวให้กับสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์ เอเชียเอ็กซ์ ที่คาดว่าจะมีการขยายจำนวนเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง เราคาดกำไรในปี 60-62 ที่ 167, 215, และ 273 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 28% บล.ทิสโก้ มองมูลค่าเหมาะสม III อยู่ที่ราว 5.80 บาท อ้างอิง PER ที่ 20 เท่าสำหรับปี 61 โดยเทียบจาก WICE ที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันแต่มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าการเติบโตของ III จะโตปีละ 10 – 20%  ในปี 61-62 โดยมีความเสี่ยงสำคัญคือ รายได้หลักที่มาจากการให้บริการแก่แอร์เอเซียที่สนามบินดอนเมืองและการทำสัญญา GSA ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 60% หุ้น III ที่เด้งแรงในวันนี้ นับว่ามีข่าวดีเข้ามาสนับสนุน แถมยังพบว่าต้นทุนของรายใหญ่อยู่สูงกว่าราคากระดาน และราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์ จึงต้องจับตาว่างานนี้นักวิเคราะห์ให้ราคาต่ำเกินไป หรือรายใหญ่ติดดอย หรือหุ้นทั้งหมดอาจถูกเทขายออกมาแล้วก็เป็นไปได้ เรียบเรียง วรวิทย์ จิตรพัฒนากุล อีเมล์ worrawitc@efinancethai.com อนุมัติ อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร ที่มา https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=P&id=jhPWI9Sf3Uw%3D

ทริพเพิล ไอ (iii) ตั้งเป้าโต 20% ขยายธุรกิจแอร์คาร์โกและสายเรือใหม่ รองรับอีคอมเมิร์ซบูมหลัง ICAO ปลดธงแดง

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (จำกัด) มหาชน หรือ iii ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรของไทยเดินหน้าขยายธุรกิจครบทุกด้าน ตั้งเป้าสร้างยอดขายปี 61 เติบโต (เพิ่มเติม…)

ทริพเพิล ไอ ( iii ) รุกขยายโลจิสติกส์ทั้งแอร์คาร์โกและสายเรือใหม่ ตั้งเป้าโต 20% รองรับอีคอมเมิร์ซบูม แถมรับอานิสงส์พันธมิตรบินเพิ่มหลายรูท หลัง ICAO ปลดธงแดง

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (จำกัด) มหาชน หรือ iii ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรของไทยเดินหน้าขยายธุรกิจครบทุกด้าน ตั้งเป้าสร้างยอดขายปี 61 เติบโตประมาณ 20% หลังเปิดธุรกิจใหม่ คลังสินค้าที่ดอนเมือง พร้อมเป็นตัวแทนสายเรือใหม่ รองรับยอดการค้าไทยจีนเติบโตแรง นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า “ในปี 2561 นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นภาพการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในอัตราประมาณ 20% จากกลยุทธ์การขยายทุกธุรกิจโลจิสติกส์ ด้วยงบประมาณลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจต่อเนื่องจากปลายปี 2560 กว่า 260 ล้านบาท เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ และการรองรับการขยายตัวของการค้าของไทย รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจของภาครัฐอีกด้วย ส่งผลให้บริษัทฯ คาดว่าจะมีผลกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นด้วย บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight Business) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯประกอบด้วยธุรกิจการเป็นตัวแทนสายการบิน โดยในปีนี้สายการบินไทยแอร์เอเชียและไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ได้มีการขยายเส้นทางและเพิ่มจำนวนเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการปลดล็อค มาตรฐานสนามบินนานาชาติของ ICAO ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายเส้นทางการบินอย่างแน่นอน สำหรับธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบขายส่งนั้น จะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยโฟกัสที่กลุ่มอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆในภูมิภาคที่มีศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฮับในการขยายธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ในส่วนของการให้บริการภายในภาคพื้นอากาศยาน บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวคลังสินค้าระหว่างประเทศ(International Air Cargo Terminal) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง และเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยพื้นที่ให้บริการขนาด 5,000 ตารางเมตร ที่ได้รับสัมปทานจาก บมจ. ท่าอากาศยานไทย โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80% เนื่องจากมีสายการบินไทยแอร์เอเชียและไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งมีจำนวนเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมืองมากที่สุดเป็นลูกค้าหลัก โดยธุรกิจคลังสินค้าทางอากาศนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างธุรกิจแอร์ คาร์โก้ของ iii เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากสายการบินไทยแอร์เอเชียและไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ที่เป็นลูกค้าหลักแล้วนั้น บริษัทฯ ยังให้บริการ สายการบินชั้นนำ อาทิ สายการบินนกสกู๊ต และสายการบินอื่นๆ ที่มีเส้นทางการให้บริการในสนามบินดอนเมืองอีกด้วย โดยบริษัทฯ คาดว่า จะมองหาโอกาสในการเปิดคลังสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศเพิ่มเติมในสนามบินนานาชาติอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก (Sea Freight and Inland Transport Business) จะมีปริมาณการขนส่งสินค้ากลับมาเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% จากการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากการเป็นตัวแทนสายการเดินเรือ CK LINES ของประเทศเกาหลีใต้แล้ว ล่าสุด iii ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเพียงรายเดียวในประเทศไทยของสายการเดินเรือ ริเชา (Rizhao Shipping Lines) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของเมืองริเชา อยู่ในมณฑลซานตง ทางตอนเหนือของประเทศจีน โดยเริ่มแรกมีเส้นทางการให้บริการครอบคลุม ในประเทศจีน (ริเชา เซี่ยงไฮ้) เวียดนาม (โฮจิมินห์) และไทย (ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือคลองเตย) ถือเป็นช่องทางในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ อีกด้วย ด้านขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LCL) นั้น บริษัทฯ คาดจะมียอดขายเติบโตประมาณ 30% จาก ECU Worldwide (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน โดยตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอินโดจีน (Indochina Hub) นายทิพย์ ดาลาล กล่าวเสริมว่า “ด้านกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย (Chemical & Specialty Logistics Business) นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ มีบุคลากรที่มีความรู้และความชำนาญเฉพาะด้าน มีมาตรฐานระดับสากล ทำให้เป็นที่ไว้วางใจแก่ลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินการขยายคลังสินค้าเพิ่มขึ้นกว่า 3,000 ตร.ม. เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ในปีนี้จะมีพื้นที่คลังสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายให้บริการไม่ต่ำกว่า 25,000 ตร.ม. นอกเหนือจากคลังสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายที่ให้บริการในโซนอุตสาหกรรม บริษัทฯ ยังเตรียมขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในมากขึ้น ในส่วนของกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และการจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management Business) บริษัทฯ จะเน้นการขยายการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย โดยใช้จุดแข็งของบริษัทในกลุ่ม และในส่วนของการจัดการโลจิสติกส์จะเน้นการบริหารต้นทุนและขยายฐานลูกค้าใหม่ สำหรับผลประกอบการของช่วง 9 เดือนแรกปี 60 นั้น เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 59 และมีกำไรขั้นต้น 414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 59 ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 45% เป็น 110 ล้านบาทจากกำไรสุทธิ 76 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 59 จึงคาดการณ์ว่าผลประกอบการของปี 2560 จะเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอีกด้วย.