Author - Admin

ทริพเพิล ไอ ปรับกลยุทธ์ฟื้นธุรกิจหลังพิษโควิด-19 ปูพรมรุกระบบขนส่งสินค้าภายในประเทศ เร่งพัฒนาอีโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมธุรกิจแกร่ง

ทริพเพิล ไอ ปรับกลยุทธ์ฟื้นธุรกิจหลังพิษโควิด-19 ปูพรมรุกระบบขนส่งสินค้าภายในประเทศ เร่งพัฒนาอีโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมธุรกิจแกร่ง ­­ นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งทางกลุ่มบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน จึงได้มีการวางแผนเพื่อปรับแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อฟื้นฟูรายได้บางส่วนของกลุ่มบริษัทที่สูญเสียไป โดยเฉพาะรายได้จากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะเป็นแผนการดำเนินงานปี 2563-2566 โดยจะมุ่งเน้นการขยายฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งมีทั้งการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ รวมทั้งการสร้างสรรค์โลจิสติกส์แพลตฟอร์มที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน และการต่อยอดธุรกิจเพื่อชดเชยรายได้ของกลุ่มบริษัทที่หายไป และยังเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคตอีกด้วย” โดยแผนการพัฒนาธุรกิจดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
  1. การขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทมุ่งเน้นการทำธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก แต่ภายหลังวิกฤตโรคระบาดเกิดการปิดประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค ทำให้แนวโน้มการขนส่งสินค้าภายในประเทศมีโอกาสเติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้ทำการพัฒนาการขนส่งภายในประเทศรูปแบบใหม่ๆ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้
  2. การขึ้นเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร และกลุ่มยารวมถึงเวชภัณฑ์ ทางกลุ่มบริษัทเชื่อมั่นว่าสินค้าทั้งสองกลุ่มนี้จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเห็นได้จากข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารในเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 อยู่ที่ 9,847 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มผักผลไม้สด แช่แข็ง และแปรรูป ทูน่ากระป๋อง ไก่แช่แข็งและแปรรูป ซึ่งสวนทางกับภาพรวมการส่งออกสินค้าของไทยในห้าเดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราลดลงจากปีก่อนร้อยละ 3.7 ในขณะที่ภาพรวมการนำเข้าสินค้าของไทยในเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 11.6 แต่สินค้ากลุ่มยาและเวชภัณฑ์ กลับมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,406 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
  3. การร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในการขยายฐานธุรกิจโลจิสติกส์ของกลุ่มบริษัทให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งพบว่าหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีผลต่อการใช้บริการด้านโลจิสติกส์ ส่งผลให้การสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทางกลุ่มบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดดังกล่าว ภายหลังจากการเข้าลงทุนในบริษัท แกแล็คซี่ เวนเจอร์ส จํากัด (GV) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้เริ่มพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มหรืออีโลจิสติกส์สำหรับลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทร่วมทุนอย่าง GV ที่มีบริษัทย่อย เช่น X Commerce ที่มีความชำนาญในการสร้างแพลทฟอร์มสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และ Sokochan ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์สำหรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ โดยจัดทำ Fulfillment Center สำหรับกลุ่มสินค้าที่เป็นอาหารสดที่ใช้ช่องทางการค้าในลักษณะออนไลน์ อีกทั้งยังมีการวางแผนพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อต่อยอดกับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ในส่วนของการให้บริการในภาคพื้นอากาศยาน ทางกลุ่มบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีและมีประสบการณ์ในการให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจการบินมายาวนาน ได้ให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน ) ได้มีมติให้บริษัทขายหุ้นบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 33.20 ให้กับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) และภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว จะทำให้กลุ่มบริษัทยังคงถือหุ้นในบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 25 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญอยู่ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเล็งเห็นว่าการร่วมมือกับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้จะทำให้เกิดการประสานศักยภาพความชำนาญด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของทางกลุ่มบริษัทและความเชี่ยวชาญด้านไอที ของบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมกันต่อยอดขยายศักยภาพการให้บริการของทั้งบริษัทเอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง AOT และบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในการดำเนินธุรกิจการให้บริการภาคพื้นอากาศยานและผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT ให้ครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบัน AOTGA ได้ให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และเตรียมขยายการให้บริการในท่าอากาศยานระหว่างประเทศอื่นๆ ต่อไป  
Read more...

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (iii) ปิดงบไตรมาส 1/2563 ยังคงทำกำไรท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ปรับกลยุทธ์หันมาขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำทดแทนสายการบินหยุดให้บริการ เร่งพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศเตรียมสร้างแพลทฟอร์มใหม่ พร้อมลุยเต็มสูบหลังโรคระบาดคลี่คลาย

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ว่า “แม้ว่าภาพรวมรายได้ของบริษัทจะปรับตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2563 จำนวน 22.5 ล้านบาท ลดลง 20.3 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 47.4 จากไตรมาส 1/2562 ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทั้งสภาพเศรษฐกิจและวิกฤติ COVID-19 นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2563 บริษัทยังได้รับผลกระทบจากการบันทึกตามมาตรฐานบัญชีใหม่ อีกทั้งธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศของบริษัท ได้เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานเป็นการดำเนินงานผ่านทางบริษัท เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทการร่วมค้าระหว่างบริษัท กับบริษัท Teleport Everywhere Pte., Ltd. ในกลุ่ม AirAsia จึงทำให้บริษัทไม่ได้มีการบันทึกรายได้ในส่วนของเทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จากการขายระวางขนส่งสินค้า แต่เป็นการรับรู้ผลประกอบการในลักษณะของส่วนแบ่งกำไรแทน ซึ่งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าในไตรมาส 1/2563 จำนวน 23.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 46.5 ตอบรับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาค แม้ว่าธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศบางส่วนเริ่มได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในขณะที่ธุรกิจของ DG Packaging Pte., Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ กลับมีปริมาณการขายบรรจุภัณฑ์และการขนส่งสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันเชื้อโรค และยังสามารถเพิ่มรายได้จากการให้บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในสำนักงานให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสร้างผลประกอบการเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าไตรมาสที่ 2/2563 ธุรกิจจะยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และจากแนวโน้มปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทางบริษัทจึงมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจในเชิงรับมาตั้งแต่ในไตรมาสแรกของปี ได้แก่ การบริหารจัดการต้นทุนซึ่งจะส่งผลอย่างชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 2/2563 รวมถึงการหันมาให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศในรูปแบบการเช่าเหมาลำ (Chartered Flight) และการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศมากขึ้นเพื่อทดแทนการหยุดให้บริการของสายการบินต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งพัฒนาแผนธุรกิจเชิงรุกด้านการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ในอนาคต และยังมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโมเดลและแพลทฟอร์มการให้บริการด้านโลจิสติกส์ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นภายหลังวิกฤตโรคระบาด ซึ่งการปรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น ครอบคลุมทั้งกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม และกลุ่มธุรกิจ Business Development” ในส่วนของกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ บริษัทฯ และ บจก. เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) ได้มีการปรับรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศมาเป็นบริการเช่าเหมาลำโดยเฉพาะ โดยเลือกเส้นทางที่ยังทำกำไรได้ โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำไปยังหลายประเทศในแถบเอเชีย กลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก ภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายการเดินเรือ Rizhao Port Shipping Line ที่บริษัทเป็นตัวแทนได้หยุดให้บริการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทจึงเพิ่มสัดส่วนการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนทางบกมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาขนส่งสินค้าทางบกในรูปแบบอื่นอีกด้วย สำหรับกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์และกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ได้มีการบริหารจัดการด้านต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่ายคงที่ และบริหารจัดการต้นทุนขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยบริษัทเริ่มมีการพัฒนาโครงการขนส่งสินค้าแบบ Multimodal เช่น การขนส่งสินค้าทางทะเลจากประเทศจีนผ่านประเทศไทยเพื่อส่งต่อสินค้าไปยังประเทศลาวโดยการใช้รถขนส่งสินค้าข้ามแดน รวมทั้งมีการขยายฐานลูกค้าที่เป็น B2B มากขึ้นเพื่อชดเชยลูกค้ากลุ่ม Retail ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดห้างร้าน Modern Trade ต่าง ๆ นอกจากการพัฒนาธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มแล้วนั้น บริษัทยังมีแผนการพัฒนาธุรกิจใหม่ในกลุ่มธุรกิจ Business Development ที่มุ่งเน้นการขยายแหล่งรายได้จากธุรกิจรูปแบบใหม่มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการปิดประเทศทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค ทำให้การค้าระหว่างประเทศภายในภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทางบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในภูมิภาคและภายในประเทศมากยิ่งขึ้น ภายใต้ 3 แนวทางหลัก ดังนี้ 1. การต่อยอดขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรร่วมค้า : ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ บริษัทรวมกับ เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) เตรียมปรับรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าเป็นการขนส่งสินค้าแบบ Cargo Flight โดยจะกำหนดตารางการบินในการขนส่งสินค้าทางอากาศให้มีความสม่ำเสมอและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนการหยุดให้บริการของสายการบินทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับภูมิภาคที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเตรียมให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบด่วนพิเศษภายในภูมิภาคสำหรับกลุ่มลูกค้า B2B และยังพัฒนาการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศแบบด่วนพิเศษอีกด้วย 2. การขยายขอบเขตการให้บริการโลจิสติกส์ : บริษัทจะขยายธุรกิจในภาคพื้นอากาศยานภายในประเทศและผู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และเตรียมขยายการให้บริการในท่าอากาศยานระหว่างประเทศอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ช่วงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยคาดว่าจะเป็นช่วงที่มีปริมาณการใช้บริการภาคพื้นอากาศยานและผู้โดยสารจะกลับมาเป็นปกติภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย บริษัทยังเตรียมพร้อมในการให้บริการศูนย์ขนส่งสินค้า Express Center ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งคาดว่าเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4 เช่นกัน ปัจจุบัน บริษัทกำลังศึกษาแผนการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาบริการด้านโลจิสติกส์ในลักษณะ Project Cargo Handling & Cross Border รวมทั้งการให้บริการด้านการขนส่งทางบกในระบบราง เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 3. การพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วย Digital Platform : บริษัทเตรียมจัดทำ Fulfillment Center สำหรับกลุ่มสินค้าที่เป็นอาหารสดที่ใช้ช่องทางการค้าในลักษณะ Online โดยอาศัยจุดแข็งของพันธมิตรที่มีความชำนาญในการสร้างแพลทฟอร์มสำหรับธุรกิจ E-Commerce และ E-Logistics อีกทั้งยังมีการร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนา E-Commerce Platform ต่อยอดกับธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการปรับแผนการดำเนินธุรกิจทั้งในเชิงรุกและเชิงรับดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังมีปัจจัยลบจากภายนอก
Read more...

III ประเมินQ2/63 ยังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ระบุปรับกลยุทธ์หันขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำทดแทนสายการบินหยุดให้บริการ

hooninside.com (วันที่ 13 พฤษภาคม 2563)     ที่มา : https://www.hooninside.com/news-feed/163831/view/
Read more...