‘ทริพเพิล ไอ’ โชว์ผลงาน Q3/68 กำไรสุทธิ 101.2 ล้านบาท เติบโต 37.6% จากไตรมาสก่อน เดินหน้าต่อยอดธุรกิจหลัก พร้อมเข้าสู่ไตรมาส 4 รับปัจจัยบวก High Season
‘บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์’ หรือ III ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาคของไทย ประกาศผลการดำเนินงาน
ไตรมาส 3/2568 ทำรายได้รวม 614 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 101.2 ล้านบาท เติบโต 37.6% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ด้วยปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลัก (Organic) ทั้งกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ และกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศจากบริการ Multimodal Warehouse และ Airport Truck Link ที่ประสบความสำเร็จเกินคาด ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 1,788 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 283.4 ล้านบาท เดินหน้าต่อยอดธุรกิจหลัก พร้อมลุยไตรมาส 4 รับ High Season ขณะที่ AOTGA เตรียมลงนามสัญญาในไตรมาส 4 นี้ หลังชนะการประมูลผู้ให้บริการภาคพื้นและคลังสินค้ารายที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำธุรกิจ
โลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาคของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 614 ล้านบาท ชะลอตัว 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 4.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าที่ลดลงในบางกลุ่มธุรกิจ รวมถึงค่าระวางปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 101.2 ล้านบาท เติบโต 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 37.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของกำไรในไตรมาสนี้ มาจากความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจหลัก (Organic) ที่บริษัทฯ พัฒนาและสร้างโอกาสมาโดยตลอดเพื่อลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศที่มีบริการ Multimodal Warehouse คลังสินค้ารองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และ Airport Truck Link บริการรถบรรทุกเชื่อมต่อ 3 สนามบินหลัก (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต) ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยเรามุ่งหวังพัฒนาบริการเพื่อให้สอดคล้องกับการส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ก็สามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทที่เข้าลงทุน (Inorganic) เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ)
ขณะที่ภาพรวม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,788 ล้านบาท เติบโต 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจหลัก สำหรับกำไรสุทธิปรับลดลง 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เป็นผลจากธุรกิจที่เข้าลงทุน (Inorganic) ได้แก่ บริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ AOTGA ที่ทริพเพิล ไอ ได้ลงทุนผ่าน บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) หรือ SAL มีส่วนแบ่งกำไรลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว และ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ANI จากปริมาณสินค้าอีคอมเมิร์ซจากจีนลดลงในช่วงต้นปี
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2568 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตด้วยฐานที่แข็งแรงจากธุรกิจ Organic ทั้ง Multimodal Warehouse และ Airport Truck Link ที่จะขยายการให้บริการไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เมียนมา ลาว หลังจากที่ได้มีการขยายไปยังมาเลเซียแล้ว และกลุ่มโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายยังเปิดตัว ‘DGP Training’ เป็นผู้ให้บริการฝึกอบรมหลักสูตรด้านการจัดการขนส่งสินค้าอันตรายทางอากาศ โดยได้รับใบรับรองผู้ให้บริการจัดการฝึกอบรมจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) อีกทั้งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ซึ่งยังจะส่งผลดีต่อ AOTGA และ ANI อย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้ดำเนินการควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Synergy 360° เพื่อผสานศักยภาพและสร้าง Ecosystem ภายในกลุ่มบริษัทและพันธมิตรเพื่อร่วมกันยกระดับประสิทธิภาพด้วยแผนงานเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และบริหารจัดการต้นทุน เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ AOTGA ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลผู้ให้บริการภาคพื้นและคลังสินค้ารายที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะลงนามในสัญญากับ AOT ภายในไตรมาส 4 นี้ โดยวางแผนเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2569 ในส่วนการจัดตั้ง Cargo Airline หรือสายการบินขนส่งสินค้าเป็นของตนเองเพื่อให้บริการในเส้นทางที่มีดีมานด์และอัตรากำไรที่ดี อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปลายปี 2569 เช่นกัน
นายทิพย์ ดาลาล (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III รับมอบใบรับรองผู้ให้บริการจัดการฝึกอบรมด้านวัตถุอันตราย จาก พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ในโอกาสที่บริษัท ดีจีพี เทรนนิ่ง จำกัด (DGP Training) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ ได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการจัดฝึกอบรม (Training Service Provider) พร้อมทั้งได้รับการรับรองแผนการฝึกอบรมในหลักสูตร Dangerous Goods Training Programs and Competency-Based Assessments (CBTA) เมื่อเร็วๆนี้ นับเป็นการต่อยอดจากความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรมาอย่างยาวนาน ไปสู่การถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อจัดฝึกอบรมบุคคลและหน่วยงานทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุอันตรายทางอากาศตามมาตรฐานสากลขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อร่วมยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขนส่งทางอากาศของประเทศไทย
ทั้งนี้ DGP Training ได้เปิดรับสมัครหลักสูตรแรกที่ได้รับการรับรองจาก CAAT ได้แก่ CBTA 7.1 Personnel Responsible for Preparing Dangerous Goods Consignments หรือหลักสูตรสำหรับบุคลากรที่รับผิดชอบในการจัดเตรียมวัตถุอันตรายเพื่อการขนส่งทางอากาศ ซึ่งเหมาะกับผู้ประกอบการและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุอันตรายทางอากาศ สำหรับหลักสูตร CBTA 7.3 Personnel Responsible for Processing or Accepting Dangerous Goods Consignments ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการรับรองจาก CAAT โดยจะเปิดรับสมัครในเร็ว ๆ นี้
ฮาซเคม โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ หรือ HazChem ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์แบบครบวงจร ในกลุ่มบริษัท ทริพเพิลไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ได้รับรางวัล Prime Minister’s Export Award 2025 กลุ่มธุรกิจบริการยอดเยี่ยม Best Service Enterprise Award สาขาโลจิสติกส์การค้า (Trade Logistics) ซึ่งเป็นรางวัลสำคัญระดับสูงสุดจากภาครัฐ โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในการมอบรางวัล ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
นายเฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์ กรรมการผู้จัดการ และนายจิโรจ พนาจรัส กรรมการบริหาร บริษัทฮาซเคม โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ ร่วมกันเผยว่า เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลสำคัญในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุด ถือเป็นเครื่องยืนยันและยกระดับความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของเรา โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา HazChem มุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ และดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ Triple S หรือ 3S กล่าวคือ S1 มิติการจัดการด้านความปลอดภัย S2 มิติการจัดการที่เป็นเลิศ และ S3 มิติด้านการรักษาความปลอดภัย เพื่อรองรับการจัดการด้านความยั่งยืน พร้อมเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถของการบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรสำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายเพื่อรองรับบริการเฉพาะด้านตามความต้องการของลูกค้าที่เติบโตมากยิ่งขึ้น
สำหรับรางวัล Prime Minister’s Export Award 2025 จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อยกย่องและสนับสนุนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าที่มีผลงานเป็นเลิศ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีศักยภาพแข่งขันได้ในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ นางดรุณี รักพงษ์พิบูล กรรมการบริษัท บริษัท ทริพเพิลไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III (ที่ 4 จากซ้าย) เป็นตัวแทนบริษัทฯ มอบทุนการศึกษาจำนวน 14 ทุน รวมมูลค่า 70,000 บาท ให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งเป็นผู้มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมี ดร.สันติพงศ์ จิโรจน์กุลกิจ รองคณบดีฝ่ายบริหาร ของ